New Southbound Policy Portal

การประชุมนโยบายมุ่งใต้ใหม่และผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ ร่วมสร้างวิสัยทัศน์ สรรค์สร้างสังคมที่เป็นมิตรต่อการพำนักอาศัยของกลุ่มผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่

สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง วันที่ 7 ก.ค. 65
 
การประสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนประสบความสำเร็จในการเปิดศักราชใหม่ เมื่อวันที่ 7 ก.ค. ที่ผ่านมา มูลนิธิเพื่อการแลกเปลี่ยนไต้หวัน-เอเชีย (Taiwan-Asia Exchange Foundation) และสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ร่วมกันจัด “การประชุมด้านนโยบายมุ่งใต้ใหม่และผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่” ณ ศูนย์การประชุม GIS NTU Convention Center โดยได้ติดต่อเชิญเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ตัวแทนกลุ่มผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ ผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการ รวมถึงตัวแทนกลุ่มเอกชนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม เพื่อร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น พร้อมทั้งให้คำขี้แนะในนโยบายที่เกี่ยวข้อง โดยนายเซียวซินหวง ที่ปรึกษาประจำทำเนียบประธานาธิบดี สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) เน้นย้ำถึงความสำคัญของ “ความอ่อนไหวของสังคมต่อความหลากหลายทางวัฒนธรรม” โดยนายเซียวฯ กล่าวว่า เมื่อพิจารณาถึงกลุ่มผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ที่ตั้งรกรากในไต้หวัน และการกลุ่มประเทศอาเซียนเริ่มมีบทบาทมากขึ้นในประชาคมโลก สังคมไต้หวันจึงควรให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ภาษาของผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ วัฒนธรรมที่หลากหลาย และการบ่มเพาะบุคลากรเฉพาะทาง เพื่อยกระดับสถานะของภาษาและวัฒนธรรมของกลุ่มประเทศอาเซียนให้ได้รับการยอมรับมากขึ้น โดยในอนาคต ยังคงต้องผสมผสานทั้งพลังและทรัพยากรของหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน และส่งเสริมให้ผู้คนในสังคมเข้ามามีส่วนร่วมให้มากขึ้น
 
นายจงจิ่งคุณ ผู้อำนวยการสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของไต้หวัน กล่าวขณะบรรยายว่า ผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่และบุตรธิดารุ่นที่ 2 ในไต้หวันมีจำนวนนับล้านคน ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญต่อความต้องการของพวกเขาเป็นอย่างมาก ในทุก 5 ปีจะมีการสำรวจสภาพชีวิตความเป็นอยู่ของกลุ่มผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการอ้างอิงรวมถึงการกำหนดนโยบายของรัฐบาลส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น นอกจากนี้ เพื่อประสานงานแบบข้ามหน่วยงานและบูรณาการทรัพยากร สภาบริหารไต้หวันได้มีการจัดตั้งการประชุมหารือว่าด้วยกิจการผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ เพื่อพิจารณาหารือในประเด็นสำคัญที่กลุ่มเป้าหมายให้ความสนใจ ทั้งนี้ เพื่อบรรลุการสร้างหลักประกันด้านสิทธิประโยชน์ที่เกี่ยวข้อง อาทิ การลดขั้นตอนการรับรองวุฒิการศึกษาของกลุ่มผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่  โดยผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่สามารถยื่นขออนุมัติจากรัฐบาลในพื้นที่ได้ โดยไม่ต้องยุ่งยากในการเดินทางกลับสู่มาตุภูมิเพื่อยื่นขอเอกสารรับรองวุฒิการศึกษา อันจะส่งผลให้มีความสะดวกในการเข้าศึกษาต่อและเข้าทำงานในไต้หวัน นอกจากนี้ กระทรวงมหาดไทยยังได้จัดตั้งมูลนิธิเพื่อการพัฒนาผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ โดยมีการจัดสรรงบประมาณ 1,000 ล้านเหรียญไต้หวันต่อปี เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มเป้าหมายในการปรับตัวในสังคมไต้หวัน เสริมสร้างศักยภาพกลุ่มผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่และบุตรธิดาในการพัฒนาให้ก้าวสู่การเป็นพลังใหม่ของประเทศ โดยในอนาคต สตม.จะประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรต่อเหล่าผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ต่อไป