New Southbound Policy Portal
กระทรวงเศรษฐการ วันที่ 13 ต.ค. 65
คณะตัวแทนของกระทรวงเศรษฐการไต้หวัน ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในการรวมกลุ่มเดินทางเยือนสหรัฐฯ โดยเมื่อวันที่ 13 ต.ค. ที่ผ่านมา ผู้ประกอบการไต้หวันเช่น บริษัท Aerospace Industrial Development Corp., บริษัทการไฟฟ้าไต้หวัน (Taiwan Power Company), บริษัท Quanta Cloud Technology (QCT), บริษัท HTC Corporation, บริษัท TMY Technology Inc และบริษัท Edgecore Networks Corporation รวมทั้งผู้ประกอบการฝั่งสหรัฐฯ เช่น บริษัท GE, Intel และ RingCentral ได้ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือ (MoU) รวม 7 ฉบับ ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อร่วมสร้างโอกาสทางธุรกิจสำหรับเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น พลังงานหมุนเวียน รวมถึงเทคโนโลยีสารสนเทศและการติดต่อสื่อสารขั้นสูงรูปแบบ 5G โดยมีนางหวังเหม่ยฮัว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐการ (Ministry of Economic Affairs, MOEA) สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) นางเจียงเหวินรั่ว อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศไต้หวัน และ Mr. Venkataraman ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ เข้าร่วมเป็นสักขีพยาน
MOEA แถลงว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. ปี 2021 รมว.หวังฯ และ Ms. Gina Raimondo รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ได้ร่วมเจรจาหารือระหว่างกันผ่านระบบวีดิโอคอนเฟอเรนซ์ โดยได้ประกาศจัดตั้งกรอบความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนทางเทคโนโลยีระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ (Technology Trade and Investment Collaboration, TTIC) โดยกรอบความร่วมมือดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการค้า การลงทุนและความร่วมมือทางอุตสาหกรรมแบบทวิภาคี ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ และแสดงให้เห็นถึงข้อได้เปรียบในการเกื้อหนุนในระบบห่วงโซ่อุปทานซึ่งกันและกัน เพื่อรักษาศักยภาพในการแข่งขันทางอุตสาหกรรมระดับโลกให้คงอยู่ต่อไป โดยการร่วมลงนามใน MoU ครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงเจตจำนงของการเสริมสร้างความสัมพันธ์แบบหุ้นส่วนในเชิงลึกของผู้ประกอบการ ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ รวมไปถึงเป็นการสร้างรากฐานแห่งความร่วมมือระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ ในภายภาคหน้าด้วย
โดยการร่วมลงนาม MoU ในครั้งนี้ มุ่งเน้นไปที่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ รวมถึงเทคโนโลยีสารสนเทศและการติดต่อสื่อสารในรูปแบบ 5G สำหรับการประสานความร่วมมือด้านพลังงานหมุนเวียน บริษัท GE ของสหรัฐฯ จะร่วมมือกับบริษัท AIDC และบริษัทการไฟฟ้าไต้หวัน โดย GE จะให้ความช่วยเหลือ AIDC จัดตั้ง “กลไกการให้บริการบำรุงรักษาในพื้นที่” สำหรับเครื่องยนต์ก๊าซเทอร์ไบน์ (Gas turbine engine) นอกจากนี้ GE ก็จะประสานความร่วมมือกับบริษัทการไฟฟ้าไต้หวัน ในการสร้างความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนทางกลยุทธ์ เพื่อบรรลุเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ก่อนปี 2050 ทั้งนี้ เพื่อยกระดับความสัมพันธ์ทางความร่วมมือแบบทวิภาคีเชิงลึกในอนาคตต่อไป
สำหรับการประสานความร่วมมือในด้าน 5G ผู้ประกอบการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการติดต่อสื่อสารของไต้หวัน มีข้อได้เปรียบทั้งในด้านการออกแบบอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่หลากหลาย และศักยภาพด้านการผลิต ซึ่งเมื่อนำมาผนวกรวมเข้ากับซอฟต์แวร์ กลไกการให้บริการและแบรนด์คุณภาพของสหรัฐฯ แล้ว จึงทำให้เกิดเป็นรากฐานความร่วมมือที่แข็งแกร่งในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการติดต่อสื่อสาร ระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ โดยทั้งสองฝ่ายจะแบ่งการพัฒนาออกเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ QCT - Intel , HTC - Lumen Technologies , RingCentral - HTC และ RingCentral – Edgecore เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจด้วยการนำเทคโนโลยี 5G ในแบบบูรณาการเข้าสู่กระบวนการผลิตรูปแบบอัจฉริยะ การแสดงเพื่อความบันเทิง และการดูแลรักษาทางการแพทย์ นอกจากนี้ บริษัท DuPont ของสหรัฐฯ จะส่งมอบวัสดุเซรามิกที่เป็นองค์ประกอบสำคัญให้แก่ TMYTEK เพื่อให้ผู้ประกอบการไต้หวันคิดค้นเสาอากาศที่ใช้คลื่นมิลลิเมตรในการรับส่งสัญญาณความถี่ และการวางตำแหน่งระบบดาวเทียมวงโคจรต่ำ (Low Earth Orbit, LEO) โดย MOEA จะเร่งผลักดันให้ผู้ประกอบการไต้หวัน - สหรัฐฯ ประยุกต์ใช้ข้อได้เปรียบในการกระตุ้นให้เกิดความหลากหลายของห่วงโซ่อุปทานด้วยเทคโนโลยี 5G ตลอดจนให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการไต้หวัน - สหรัฐฯ ในการสร้างโอกาสทางธุรกิจในโครงสร้างพื้นฐานด้านเครือข่าย 5G และการติดตั้งฐานส่งสัญญาณในระดับนานาชาติต่อไป
รมว.หวังฯ กล่าวว่า สถานการณ์ระหว่างประเทศในปัจจุบัน เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว นานาประเทศทั่วโลกต่างให้ความสำคัญกับความยืดหยุ่นและความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทาน เพื่อสร้างหลักประกันให้แก่กลุ่มอุตสาหกรรมพัฒนาไปได้อย่างต่อเนื่อง และมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ โดยไต้หวัน - สหรัฐฯ ต่างสวมบทบาทที่สำคัญในระบบห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่ผกผันเช่นนี้ ความร่วมมือระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ นับวันยิ่งเกิดความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น รมว.หวังฯ คาดหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นทั้งสองประเทศเสริมสร้างความร่วมมือทางอุตสาหกรรมในเชิงลึก ภายใต้กรอบ MoU เพื่อยกระดับข้อได้เปรียบซึ่งกันและกัน ตลอดจนเพื่อรุกขยายพื้นที่ตลาดนานาชาติร่วมกันในอนาคตต่อไป