New Southbound Policy Portal
กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 22 ต.ค. 65
เมื่อเช้าของวันที่ 21 ต.ค. ที่ผ่านมา หลังจากที่นายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้นำสมเด็จพระราชาธิบดีอึมสวาตีที่ 3 แห่งเอสวาตินี (H.M. King Mswati III) และคณะ เข้าร่วมเยี่ยมพบประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน แห่งสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) แล้ว รมว.อู๋ฯ และ H.E. Thulisile Dladla รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและการประสานกิจการระหว่างประเทศแห่งเอสวาตินี ก็ได้ร่วมลงนามในแถลงการณ์ว่าด้วยความร่วมมือแบบทวิภาคีระหว่าง 2 ประเทศ โดยมีผู้นำของทั้ง 2 ประเทศ นายไล่ชิงเต๋อ รองประธานาธิบดีของไต้หวัน นายหลี่ต้าเหวย เลขาธิการประจำทำเนียบประธานาธิบดี นายเหลียงหงเซิง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐจีนประจำเอสวาตินี และ H.E. Promise Msibi เอกอัครราชทูตคนใหม่ของราชอาณาจักรเอสวาตินีประจำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ร่วมเป็นสักขีพยาน
หลังจากนั้น ในช่วงค่ำของวันเดียวกัน รมว.อู๋ฯ ก็ได้จัดงานเลี้ยงพระกระยาหารค่ำแด่สมเด็จพระราชาธิบดีอึมสวาตีที่ 3 แห่งเอสวาตินี (H.M. King Mswati III) และคณะ โดยรมว.อู๋ฯ ได้แสดงความยินดีต้อนรับต่อการมาเสด็จประพาสไต้หวันของพระองค์ฯ หลังจากทิ้งช่วงไปเป็นระยะเวลากว่า 4 ปี พร้อมนี้ รมว.อู๋ฯ ยังได้ใช้โอกาสนี้แสดงความขอบคุณต่อเอสวาตินี ที่ให้การสนับสนุนไต้หวันในการเข้าร่วมองค์การระหว่างประเทศอย่างเต็มที่เสมอมา
รมว.อู๋ฯ กล่าวขณะปราศรัยว่า ท่ามกลางสถานการณ์ที่รัฐบาลจีนได้เพิ่มความถี่ในการคุกคามไต้หวันด้วยกำลังทหารอย่างต่อเนื่อง รมว.อู๋ฯ ขอแสดงความขอบคุณด้วยความเคารพต่อสมเด็จพระราชาธิบดีอึมสวาตีที่ 3 แห่งเอสวาตินี ที่นำคณะตัวแทนเดินทางเยือนไต้หวันในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงพลังสนับสนุนที่มีต่อประชาชนชาวไต้หวันอย่างหนักแน่น ทำให้ไต้หวันสัมผัสได้ถึงมิตรภาพอันอบอุ่นที่รัฐบาลเอสวาตินีส่งมอบให้เสมอมา โดยรมว.อู๋ฯ ยังย้ำว่า สมเด็จพระราชาธิบดีอึมสวาตีที่ 3 แห่งเอสวาตินี และรัฐบาลเอสวาตินี ได้ให้การสนับสนุนไต้หวันเข้ามีส่วนร่วมอย่างมีความหมายในองค์การระหว่างประเทศในเวทีนานาชาติอย่างเต็มที่มาโดยตลอด พร้อมทั้งเรียกร้องให้ทั่วโลกตระหนักเห็นถึงความสำคัญของการธำรงรักษาสันติภาพและเสรีภาพของสองฝั่งช่องแคบไต้หวัน และแสดงให้เห็นถึงมิตรภาพอันแข็งแกร่งที่สานสัมพันธ์ระหว่างกันมาอย่างยาวนานระหว่างไต้หวัน – เอสวาตินี ซึ่งไม่ว่าสถานการณ์ภายนอกจะตึงเครียดเพียงใด ทั้งสองประเทศจะยังคงให้ความช่วยเหลือซึ่งกันและกันอย่างต่อเนื่องต่อไป
นอกจากนี้ รมว.อู๋ฯ ยังชี้ว่า ไต้หวัน -เอสวาตินี ได้จัดตั้งกลไกความร่วมมือที่เอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันในหลากหลายด้าน ซึ่งนอกจากจะจับมือกันร่วมสกัดกั้นสถานการณ์โรคโควิด – 19 แล้ว ไต้หวันยังให้ความช่วยเหลือเอสวาตินีในการฟื้นฟูหลังสถานการณ์ความผันผวนในสังคมตลอดช่วงที่ผ่านมา เพื่อช่วยผลักดันการบูรณะฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐาน ตลอดจนเพื่อส่งเสริมให้มิตรภาพระหว่าง 2 ประเทศมีความแนบแน่นมากยิ่งขึ้น รมว.อู๋ฯ ยืนยันว่า ท่ามกลางสถานการณ์ที่เอสวาตินีต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามนานาประการในยุคหลังโควิด – 19 รัฐบาลไต้หวันจะส่งมอบความช่วยเหลือที่จำเป็นให้อย่างเต็มกำลัง
โดยสมเด็จพระราชาธิบดีอึมสวาตีที่ 3 แห่งเอสวาตินี ได้แสดงความขอบคุณต่อรัฐบาลไต้หวันที่ให้ความช่วยเหลือในการผลักดันโครงการความร่วมมือแบบทวิภาคีที่เอื้อประโยชน์และสร้างความผาสุกให้แก่ประชาชนทั้งสองประเทศ พร้อมทั้งมีความโสมนัสเป็นอย่างมากที่ทั้ง 2 ประเทศมีผลสัมฤทธิ์ทางความร่วมมือในด้านต่างๆ ระหว่างกัน ทั้งเศรษฐกิจการค้า พลังงาน การแพทย์และสาธารณสุข เทคโนโลยีสารสนเทศ การเกษตรและโครงสร้างพื้นฐาน เป็นต้น เห็นได้ว่า สวัสดิการสำหรับภาคประชาชนของ 2 ประเทศได้รับการพัฒนาที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ต่อกรณีที่จีนได้ทำการคุกคามไต้หวันทั้งทางกำลังทหารและสงครามไซเบอร์ สมเด็จพระราชาธิบดีอึมสวาตีที่ 3 ทรงแสดงจุดยืนอันแน่วแน่ว่า มีเพียงการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธีเท่านั้น จึงจะสามารถทำให้ปัญหาได้รับการแก้ไขให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี โดยเอสวาตินีพร้อมให้การสนับสนุนไต้หวันซึ่งเป็นประเทศที่มีอำนาจอธิปไตย มีสิทธิประโยชน์ทุกอย่างเทียบเท่ากับนานาประเทศทั่วโลก พร้อมเรียกร้องให้ประชาคมโลกตระหนักเห็นถึงภัยคุกคามที่เกิดจากจีน ตลอดจนให้การสนับสนุนประชาชนชาวไต้หวัน ในการร่วมปกป้องประเทศอย่างกล้าหาญต่อไป