New Southbound Policy Portal
กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 25 ต.ค. 65
เมื่อวันที่ 25 ต.ค. นายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านลายลักษณ์อักษรแก่นายจินเจิ้งลวี่ ผู้สื่อข่าว “สำนักข่าวNEW 1” ของเกาหลีใต้ โดยเนื้อหาบทสัมภาษณ์ได้ถูกเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ของสำนักข่าว ภายใต้หัวข้อ “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) เน้นย้ำว่า ไต้หวันจะไม่ยอมจำนน แม้ว่าประธานาธิบดีสีจิ้นผิงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน จะขยายขอบเขตในการรุกล้ำไต้หวันด้วยกำลังทหาร ในวาระการดำรงตำแหน่งสมัยที่ 3” ซึ่งบทสัมภาษณ์ได้รับความสำคัญและเสียงตอบรับที่ดีจากทุกแวดวงในเกาหลีใต้อย่างล้นหลาม
รมว.อู๋ฯ แถลงว่า หลังจากที่ปธน.สีฯ ได้ครองตำแหน่งผู้นำจีนติดต่อกันเป็นสมัยที่ 3 ภารกิจแรกคือ สร้างฐานอำนาจภายในประเทศให้มั่นคง ขจัดความเห็นต่าง และสามารถคาดการณ์ได้ว่า ภายใต้วาระการดำรงตำแหน่งสมัยที่ 3 ของปธน.สีฯ จะมีการขยายขอบเขตการสร้างแรงกดดันต่อไต้หวันด้วยกำลังทหารในวงกว้างและรุนแรงเพิ่มมากขึ้น โดยไต้หวันจะต้องเตรียมรับมืออย่างระมัดระวังต่อกลยุทธ์ที่รัฐบาลจีนประยุกต์ใช้ ด้วยการข่มขู่ประเทศภายนอกด้วยกำลังทหาร เพื่อหันเหความสนใจของภาคประชาชนชาวจีน ที่รู้สึกไม่พอใจต่อสถานการณ์ภายในประเทศของจีน อาทิ การถดถอยทางเศรษฐกิจ อัตราการว่างงาน และการล็อกดาวน์เมืองต่างๆไม่ขาดระยะ ทั้งนี้ เพื่อที่รัฐบาลจีนจะยังคงสามารถรักษาความชอบธรรมในการบริหารประเทศต่อไป ซึ่งปธน.สีฯ อาจจะเปิดฉากสงครามที่เป็นการรุกรานไต้หวันอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อก้าวขึ้นครองตำแหน่งสำคัญทางประวัติศาสตร์ และแสวงหาแนวทาง "การรวมชาติ"
รมว.อู๋ฯ ชี้แจงว่า รัฐบาลจีนยังคงจมปลักอยู่กับข้อเท็จจริงในเรื่องอำนาจอธิปไตยของไต้หวัน โดยไม่ยอมล้มเลิกการรุกล้ำไต้หวันด้วยกำลังทหาร โดยจุดยืนของไต้หวันที่ไม่เปลี่ยนแปลงคือ “การรักษาสถานภาพเดิมในปัจจุบัน” พร้อมยืนยันหนักแน่นว่า สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) และสาธารณรัฐประชาชนจีน มิได้เป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน ไต้หวันไม่ได้อยู่ภายใต้อำนาจการปกครองของจีน จีนไม่เคยเข้ามาปกครองไต้หวันเลยแม้แต่วันเดียว โดยสถานภาพที่คงอยู่ตลอดมานี้ เป็นข้อเท็จจริงที่ประชาคมโลกให้การยอมรับ รมว.อู๋ฯ กล่าวว่า การธำรงรักษาสถานภาพเดิมของสองฝั่งช่องแคบไต้หวัน สอดคล้องกับผลประโยชน์ร่วมกันของทุกฝ่าย โดยรมว.อู๋ฯ ได้หยิบยกสาระสำคัญในการกล่าวสุนทรพจน์ของประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) เนื่องในวันชาติสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ประจำปี 2022 ในการแสดงจุดยืนว่า ไต้หวันยินดีที่จะร่วมแสวงหาแนวทางการรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน ร่วมกับรัฐบาลปักกิ่ง ภายใต้หลักการความสมเหตุสมผล ความเท่าเทียม และการเคารพซึ่งกันและกัน
รมว.อู๋ฯ ได้หยิบยกกรณีตัวอย่างของการสำรวจความคิดเห็นของภาคประชาชนในเดือนส.ค. โดยชี้แจงว่า เสียงประชามติกว่าร้อยละ 90 ของไต้หวัน เห็นด้วยต่อ “การคงไว้ซึ่งสถานภาพเดิมในปัจจุบัน” ซึ่งแสดงให้เห็นว่า สังคมไต้หวันมีฉันทามติร่วมกัน โดยไม่มีการแบ่งแยกยุคสมัย เพศสถานะหรือช่วงวัย สำหรับ “หลักการจีนเดียว” หรือ “หลักการ 1 ประเทศ 2 ระบบ” ที่รัฐบาลจีนกล่าวอ้าง หรือแม้แต่สมุดปกขาวในหัวข้อ “ปัญหาของไต้หวันและการเข้าครอบครองไต้หวันในยุคสมัยใหม่” ที่ประกาศเมื่อวันที่ 10 ส.ค. ล้วนแล้วแต่ถูกประชาชนชาวไต้หวันปฏิเสธอย่างหนักแน่น
รมว.อู๋ฯ แถลงว่า จีนใช้กรณีที่ Ms. Nancy Pelosi ประธานสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ เดินทางเยือนไต้หวัน มาเป็นข้ออ้างในการยั่วยุไต้หวันด้วยการจัดซ้อมรบโดยใช้กระสุนจริงในพื้นที่บริเวณรอบน่านน้ำและน่านฟ้าของไต้หวัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปลี่ยนสถานภาพของช่องแคบไต้หวันให้กลายเป็นน่านน้ำในประเทศของจีน ไม่ยอมรับสถานภาพของช่องแคบไต้หวันว่าเป็นเส้นทางการคมนาคมขนส่งทางน้ำระหว่างประเทศ ทั้งนี้ เพื่อต้องการส่งผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพการเดินเรือและการบินผ่านน่านน้ำและน่านฟ้าของนานาประเทศ ตลอดจนเป็นการฝึกซ้อมตามแผนการโจมตีไต้หวันที่ได้จัดเตรียมไว้มาเป็นเวลานาน ซึ่งขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ญี่ปุ่น ออสเตรเลียและนานาประเทศ ต่างได้ร่วมประณามและแสดงความห่วงใยต่อแผนปฏิบัติการโจมตีด้วยกำลังทหารที่ไร้ซึ่งความรับผิดชอบอย่างรุนแรงของจีน พร้อมยืนยันถึงความสำคัญของสันติภาพและเสถียรภาพในสองฝั่งช่องแคบไต้หวัน ตลอดจนสนับสนุนให้ทั้งสองแก้ไขปัญหาความขัดแย้งด้วยสันติวิธี
รมว.อู๋ฯ แถลงว่า รัฐบาลโจ ไบแดนแห่งสหรัฐอเมริกา ได้แสดงจุดยืนต่อการรักษาคำมั่นด้านความมั่นคงต่อไต้หวัน ตามที่ระบุไว้ใน “กฎหมายความสัมพันธ์ไต้หวัน” และ “หลักประกัน 6 ประการ” โดยพลังสนับสนุนของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มีต่อไต้หวัน “แข็งแกร่งดุจหินผา” โดยรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ประกาศ “รายงานว่าด้วยแผนยุทธศาสตรในภูมิภาคอินโด - แปซิฟิก” เมื่อเดือนก.พ. รวมถึงประกาศ “รายงานยุทธศาสตร์ว่าด้วยความมั่นคงแห่งชาติ” ในเดือนต.ค. ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงจุดยืนข้างต้นอย่างหนักแน่น รมว.อู๋ฯ เน้นย้ำว่า การปกป้องไต้หวันเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของพวกเรา โดยรัฐบาลจะเร่งเสริมสร้างศักยภาพการป้องกันประเทศ และแสนยานุภาพด้านกลาโหมที่ขาดความสมดุล โดยไต้หวันจะยึดมั่นในรูปแบบวิถีชีวิตแห่งเสรีภาพและประชาธิปไตย พร้อมทั้งอาศัยแนวทางและความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ในการปกป้องดินแดนที่เป็นอธิปไตยของเราให้คงอยู่ต่อไป ตลอดจนเรียกร้องให้ประชาคมโลกร่วมสกัดกั้นการแผ่ขยายอิทธิพลของอำนาจเผด็จการของจีน เพื่อร่วมธำรงรักษาเสรีภาพ การเปิดกว้าง รวมถึงเสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคอินโด - แปซิฟิก ให้คงอยู่ต่อไป