New Southbound Policy Portal
ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 14 พ.ย. 65
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 14 พ.ย. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้การต้อนรับคณะตัวแทนของศูนย์เพื่อความก้าวหน้าอเมริกัน (Center for American Progress, CAP) โดยปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า เมื่อต้องเผชิญกับความท้าทายจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 และสงครามระหว่างรัสเซีย - ยูเครน กลุ่มประเทศประชาธิปไตยควรที่จะร่วมแสดงข้อได้เปรียบของกันและกัน ในการสร้างระบบห่วงโซ่อุปทานที่มีความมั่นคงและเปี่ยมด้วยความทรหด โดยในอนาคต ไต้หวันจะเร่งเสริมสร้างความร่วมมือเชิงลึกในประเด็นต่างๆ ผ่านกลไกการเจรจาในทุกรูปแบบระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างคุณประโยชน์ด้านความเจริญรุ่งเรืองและการเปิดกว้างให้เกิดแก่ภูมิภาคอินโด – แปซิฟิกสืบไป
ปธน.ไช่ฯ กล่าวต้อนรับ Mr. Thomas A. Daschle ผู้อำนวยการ CAP ที่ได้นำคณะตัวแทนเดินทางมาเยือนไต้หวันเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี โดยชี้ว่า CAP เป็นหนึ่งในคลังสมองที่มีบทบาทสำคัญที่สุดในด้านการกำหนดนโยบายสาธารณะของสหรัฐฯ ซึ่งข้อเสนอแนะด้านนโยบายในประเด็นต่างๆ ล้วนได้รับความสำคัญจากรัฐบาลสหรัฐฯ เป็นอย่างมาก ปธน.ไช่ฯ จึงคาดหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะร่วมแลกเปลี่ยนและประสานความร่วมมือกับ CAP อย่างต่อเนื่องในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับนโยบาย รวมไปถึงการสร้างความสัมพันธ์ในเชิงลึกระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ ต่อไป
ปธน.ไช่ฯ แสดงความขอบคุณต่อผอ. Daschle สำหรับความสนับสนุนที่มีต่อไต้หวันเสมอมาอย่างยาวนาน พร้อมทั้งร่วมแสดงความยินดีกับ ผอ. Daschle ที่เข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการสถาบันประชาธิปไตยแห่งชาติสหรัฐฯ (National Democratic Institute, NDI) เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยไต้หวันหวังที่จะสร้างความร่วมมือกับ NDI อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่องในอนาคต พร้อมร่วมแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการปฎิบัติภารกิจด้านประชาธิปไตย โดยคาดหวังว่า ความร่วมมือระหว่างเราจะสามารถปลุกพลังแห่งความฮึกเหิมให้แก่พันธมิตรนานาชาติ ในการร่วมพัฒนากลไกประชาธิปไตยระดับโลก ให้มีความแข็งแกร่งและมีอานุภาพมากขึ้น
ปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า สหรัฐฯ – ไต้หวันเป็นพันธมิตรที่ร่วมยึดมั่นในค่านิยมด้านเสรีภาพและประชาธิปไตย พร้อมนี้ ปธน.ไช่ฯ ยังได้ใช้โอกาสนี้แสดงความขอบคุณต่อประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่ได้อนุมัติการจำหน่ายอาวุธยุทโธปกรณ์ให้ไต้หวันรวม 6 ครั้ง นับตั้งแต่ที่ขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ เป็นต้นมา นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังได้จัดส่งเรือรบแล่นผ่านพื้นที่สองฝั่งช่องแคบไต้หวันเพื่อปฏิบัติภารกิจ “รักษาเสรีภาพในการเดินเรือ” อย่างขมักเขม้น ไต้หวันในฐานะที่เป็นประเทศซึ่งตั้งอยู่แนวหน้าในการรับมือกับการแผ่ขยายอิทธิพลจากประเทศลัทธิอำนาจนิมย จะมุ่งมั่นเสริมสร้างแสนยานุภาพในการป้องกันประเทศอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการธำรงรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค ให้คงอยู่ต่อไป
ปธน.ไช่ฯ เห็นว่า เมื่อต้องเผชิญกับความท้าทายที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 และสงครามระหว่างรัสเซีย - ยูเครน กลุ่มประเทศประชาธิปไตยควรที่จะร่วมแสดงถึงข้อได้เปรียบของกันและกันในการสร้างระบบห่วงโซ่อุปทานที่มีความมั่นคงและเปี่ยมด้วยความทรหด โดยในช่วงที่ผ่านมา การเจรจา “แผนริเริ่มทางการค้าไต้หวัน - สหรัฐฯ แห่งศตวรรษที่ 21” ได้ปิดฉากการเจรจาในรอบแรกลงอย่างราบรื่น โดยในอนาคต ไต้หวัน - สหรัฐฯ จะจัดการประชุมระหว่างกันเพิ่มมากขึ้น เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าระหว่างกันต่อไป
ปธน.ไช่ฯ ชี้อีกว่า ไต้หวันจะเร่งเสริมสร้างความร่วมมือในเชิงลึกในประเด็นต่างๆ กับสหรัฐฯ ผ่านกลไกการเจรจาในรูปแบบต่างๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ กรอบความตกลงทางการค้าและการลงทุน (Trade and Investment Framework Agreement, TIFA) การเจรจาหุ้นส่วนเพื่อความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ (Taiwan-US Economic Prosperity Partnership Dialogue, EPPD) และกรอบความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนทางเทคโนโลยีระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ (Technology Trade and Investment Collaboration, TTIC) เพื่อสร้างคุณประโยชน์ด้านความเจริญรุ่งเรืองและการเปิดกว้างให้เกิดแก่ภูมิภาคอินโด – แปซิฟิกสืบไป
ปธน.ไช่ฯ เห็นว่า ในครั้งนี้ คณะตัวแทนยังจะร่วมแลกเปลี่ยนกับหน่วยงานภาครัฐและองค์กรเอกชนของไต้หวันในประเด็นการป้องกันโรคระบาด การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน และความมั่นคงทางไซเบอร์ โดยปธน.ไช่ฯ ได้อวยพรให้คณะตัวแทนประสบแต่ความราบรื่นในภารกิจต่างๆ รวมทั้งบังเกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ตลอดจนหวังที่จะยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ ให้เป็นไปในเชิงลึกมากขึ้นต่อไป
จากนั้น Mr. Daschle ได้แสดงความขอบคุณต่อปธน.ไช่อิงเหวิน สำหรับการยกย่องสถาบัน NDI ในระหว่างการกล่าวปราศรัย พร้อมชี้ว่า NDI รู้สึกเสียใจต่อการจากไปของ Ms. Madeleine Albright อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแห่งสหรัฐฯ แต่ท่ามกลางความเสียใจนี้ เราได้ตัดสินใจที่จะจัดตั้งสำนักงานย่อยในไต้หวัน โดยคาดหวังที่จะขยายภารกิจที่เกี่ยวข้องในไต้หวัน เพื่อส่งเสริมให้ไต้หวันก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางแห่งประชาธิปไตยในภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก ต่อไป
Mr. Daschle กล่าวว่า พลังประชาธิปไตยตั้งอยู่บนพื้นฐานของความมั่นคงทางกลาโหม ด้วยเหตุนี้ เราจึงให้ความสำคัญต่อประเด็นความมั่นคงระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ เป็นอย่างมาก Mr. Daschle เชื่อว่าสมาชิกพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครต รวมถึงเจ้าหน้าที่ภาครัฐและสมาชิกรัฐสภา ต่างก็มุ่งมั่นส่งเสริมให้พื้นที่ภูมิภาคนี้มีความมั่นคงที่แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
Mr. Daschle กล่าวอีกว่า ในระหว่างการร่วมหารือในประเด็นประชาธิปไตยและความมั่นคง เราจำเป็นต้องย้ำถึงความสำคัญของศักยภาพทางเศรษฐกิจควบคู่ไปด้วย พร้อมทั้งมอบโอกาสในการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่เพิ่มมากยิ่งขึ้นให้แก่ภาคประชาชน ไต้หวันในฐานะที่เป็นหุ้นส่วนทางการค้าที่ใหญ่เป็นอันดับ 8 ของสหรัฐฯ จึงหวังที่จะเห็นการเจรจา “แผนริเริ่มทางการค้าไต้หวัน - สหรัฐฯ แห่งศตวรรษที่ 21” ได้รับการสืบสานให้คงอยู่ต่อไป ตลอดจนขยายไปสู่ความร่วมมือในทิศทางอื่นๆ ซึ่งความสัมพันธ์ทางการค้ามีความสำคัญต่อสหรัฐฯ เป็นอย่างมาก และนี่มิใช่เพียงแค่ประเด็นทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังมีส่วนเกี่ยวพันกับประเด็นด้านความมั่นคงอีกด้วย