New Southbound Policy Portal
ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 16 ธ.ค. 65
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 16 ธ.ค. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้การต้อนรับ Mr. Mitsuo Oohashi นายกสมาคมแลกเปลี่ยนระหว่างญี่ปุ่น – ไต้หวัน โดยปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า หลายปีมานี้ ความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนแบบ “มิตรแท้ในยามลำบาก” ระหว่างไต้หวัน – ญี่ปุ่น มีความใกล้ชิดในเชิงลึกมากยิ่งขึ้น ความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่ายก็มีความหลากหลายและดำเนินไปสู่ทิศทางแบบพหุภาคีมากยิ่งขึ้น อีกทั้งการทูตทางรัฐสภาก็ดำเนินไปอย่างคึกคักมากยิ่งขึ้น ปธน.ไช่ฯ จึงหวังว่า ไต้หวัน – ญี่ปุ่นจะร่วมเปิดศักราชใหม่ในความร่วมมือด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านความมั่นคงทางกลาโหม เศรษฐกิจการค้าและการเปลี่ยนผ่านของภาคอุตสาหกรรม เป็นต้น
ปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า ก่อนเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ปธน.ไช่ฯ จะมีโอกาสได้พบปะกับ Mr. Oohashi เป็นประจำ ณ ทำเนียบปธน. ในทุกปี ในวันนี้จึงรู้สึกยินดีเป็นอย่างมากที่ได้พบกับมิตรสหายเก่าแก่ โดยในปีนี้ประจวบกับเป็นวาระครบรอบ 50 ปีแห่งการจัดตั้ง “สมาคมแลกเปลี่ยนระหว่างญี่ปุ่น - ไต้หวัน” และ “สมาคมความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน - ญี่ปุ่น” โดยนับตั้งแต่ปี 2011 ที่ Mr. Oohashi ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นนายกสมาคมฯ เป็นต้นมา ก็ได้พยายามอย่างเต็มที่ในการผลักดันให้เกิดการลงนามในข้อตกลงแบบทวิภาคีระหว่างไต้หวัน - ญี่ปุ่นหลายรายการ พร้อมทั้งผลักดันให้มีการเปลี่ยนชื่อจาก “สมาคมแลกเปลี่ยน” เป็น “สมาคมแลกเปลี่ยนระหว่างญี่ปุ่น – ไต้หวัน” ปธน.ไช่ฯ จึงใช้โอกาสนี้แสดงความขอบคุณต่อ Mr. Oohashi ที่ได้อุทิศคุณประโยชน์ต่อความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน – ญี่ปุ่นเสมอมาอย่างยาวนาน
ปธน.ไช่ฯ ระบุว่า หลายปีมานี้ ภายใต้การสนับสนุนและการให้ความช่วยเหลือของ Mr. Oohashi และ Mr. IZUMI Hiroyasu ผู้แทนญี่ปุ่นประจำไต้หวัน ส่งผลให้ความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนแบบ “มิตรแท้ในยามลำบาก” นับวันยิ่งมีความใกล้ชิดในเชิงลึกเพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยพวกเราชาวไต้หวันขอขอบคุณญี่ปุ่น สำหรับการบริจาควัคซีนให้ไต้หวัน ซึ่งเป็นการสนับสนุนที่สำคัญในการป้องกันโรคระบาดของไต้หวัน โดยไต้หวันก็ได้ตอบแทนน้ำใจของญี่ปุ่น ด้วยการบริจาคหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ เพื่อร่วมสกัดกั้นความท้าทายที่เกิดจากสถานการณ์โรคระบาด
ปธน.ไช่ฯ เห็นว่า กลไกความร่วมมือแบบทวิภาคีระหว่างไต้หวัน - ญี่ปุ่น นับวันยิ่งมีความหลากหลายและดำเนินไปสู่ทิศทางแบบพหุภาคีมากยิ่งขึ้น อย่างเช่นในเดือนตุลาคมปีนี้ ไต้หวัน ญี่ปุ่น สหรัฐฯ และออสเตรเลีย ต่างประสานความร่วมมือในการจัดค่ายฝึกอบรมภายใต้กรอบ “Global Cooperation and Training Framework (GCTF)” เพื่อก้าวสู่การเป็นต้นแบบที่ดีของการประสานกิจการความร่วมมือนานาชาติระหว่างไต้หวัน - ญี่ปุ่น
ปธน.ไช่ฯ กล่าวอีกว่า การทูตทางรัฐสภาระหว่างไต้หวัน – ญี่ปุ่น นับวันยิ่งมีความคึกคักมากยิ่งขึ้น โดยในเดือนตุลาคมปีนี้ นอกจาก “สหภาพรัฐสภาแบบข้ามพรรคแห่งญี่ปุ่น” (Nikka Giin Kondankai) จะจัดคณะตัวแทนเดินทางมาเยือนไต้หวันเพื่อเข้าร่วมพิธีเฉลิมฉลองเนื่องในวันชาติสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) แล้ว ยังได้ประสานความร่วมมือกับ “สมาคมแลกเปลี่ยนระหว่างไต้หวัน - ญี่ปุ่น” ภายใต้การกำกับดูแลของสภานิติบัญญัติ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) เพื่อจัดขบวนพาเหรดมาร่วมงานเป็นครั้งแรกอีกด้วย
ปธน.ไช่ฯ แสดงความขอบคุณต่อรัฐบาลญี่ปุ่นด้วยใจจริง ที่ให้การสนับสนุนไต้หวันเข้ามีส่วนร่วมในองค์การระหว่างประเทศในทุกเวทีนานาชาติ พร้อมทั้งย้ำถึงความสำคัญของสันติภาพในช่องแคบไต้หวัน โดยในอนาคต ไต้หวันจะมุ่งแสวงหาแนวทางการเข้ามีส่วนร่วมในองค์การระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนเข้าร่วมในกลไกความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าในภูมิภาค เช่น “ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก” (Comprehensive and Progressive Agreement of Trans-Pacific Partnership, CPTPP) โดยคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าญี่ปุ่นจะให้การสนับสนุนไต้หวันอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมส่งเสริมสันติภาพและการพัฒนาอย่างเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคร่วมกันสืบไป
ปธน.ไช่ฯ ย้ำด้วยว่า เมื่อต้องเผชิญกับการแผ่ขยายอิทธิพลของอำนาจเผด็จการและความท้าทายในยุคหลังโควิด – 19 พวกเราคาดหวังว่า ไต้หวัน – ญี่ปุ่นจะร่วมเปิดศักราชใหม่ในความร่วมมือด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านความมั่นคงทางกลาโหม เศรษฐกิจการค้าและการเปลี่ยนผ่านของภาคอุตสาหกรรม
จากนั้น Mr. Oohashi ได้ขึ้นกล่าวปราศรัย โดยระบุว่า นอกจากไต้หวันภายใต้การนำของปธน.ไช่ฯ จะประสบความสำเร็จในด้านการป้องกันโรคระบาดแล้ว ความสำคัญของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ก็ยังเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย และได้รับการยกย่องจากประชาคมโลก นอกจากนี้ ต่อกรณีการสร้างหลักประกันด้านความมั่นคงในพื้นที่ช่องแคบไต้หวัน ก็ยังส่งผลให้สื่อมวลชนนานาชาติจับตาต่อสถานการณ์ล่าสุดในไต้หวันเพิ่มมากขึ้น
Mr. Oohashi กล่าวอีกว่า หลังจากสถานการณ์โรคโควิด – 19 และการที่รัสเซียรุกรานยูเครน ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างหนัก แต่ไต้หวันก็ยังคงรักษาเสถียรภาพและการขยายตัวทางเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่ง Mr. Oohashi รู้สึกยกย่องชื่นชมเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ไต้หวัน – ญี่ปุ่นต่างก็ยึดมั่นในเสรีภาพและประชาธิปไตย และสันติภาพ อีกทั้งยังเป็นพันธมิตรสำคัญที่ช่วยประคับประคองระบบห่วงโซ่อุปทานโลก ทำให้มีบทบาทที่สำคัญในระดับนานาชาติ โดยในพิธีเฉลิมฉลองเนื่องในวันชาติสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ปธน.ไช่ฯ ได้ระบุว่า ประชาชนชาวไต้หวันสมควรยืดอกยอมรับสถานะของตนเองอย่างภาคภูมิใตว่า “ข้าพเจ้าเป็นชาวไต้หวัน” ไม่ว่าจะอยู่ ณ แห่งหนใดของโลกใบนี้ก็ตาม
Mr. Oohashi เน้นย้ำว่า สันติภาพและเสถียรภาพของช่องแคบไต้หวัน มีความสำคัญต่อหลักประกันด้านความมั่นคงในญี่ปุ่นและภูมิภาคเป็นอย่างมาก และเป็นประเด็นสำคัญต่อสันติภาพและเสถียรภาพทั่วโลกด้วยเช่นกัน โดยในช่วงที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการประชุมสุดยอดผู้นำประเทศแบบทวิภาคีระหว่างญี่ปุ่น - สหรัฐฯ และการจัดการประชุมสุดยอดผู้นำประเทศร่วมกับประเทศอื่นๆ Mr. Fumio Kishida นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นก็ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของสันติภาพและเสถียรภาพในพื้นที่ช่องแคบไต้หวัน หรือแม้กระทั่งการประชุมสุดยอดผู้นำระหว่างญี่ปุ่น – จีนที่เปิดฉากขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา นรม. Kishida ก็ยังคงย้ำถึงความสำคัญของสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวันด้วยเช่นกัน
Mr. Oohashi แถลงว่า ญี่ปุ่น – ไต้หวัน ต่างเป็นประเทศที่ยึดมั่นในค่านิยมสากลเช่นเดียวกัน ท่ามกลางสถานการณ์ภัยพิบัติหรือสถานการณ์โรคระบาด พวกเราต่างร่วมเผชิญหน้าด้วยการเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน นับเป็นมิตรแท้ต่อกัน หากนานาประเทศทั่วโลกสามารถเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีได้เฉกเช่นเดียวกับไต้หวัน - ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านต่อกัน เชื่อว่าคำว่า “สงคราม” จะเลือนหายไปจากโลกใบนี้อย่างแน่นอน Mr. Oohashi จึงเชื่อมั่นว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน – ญี่ปุ่นนับเป็นต้นแบบที่ดีในด้านความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศให้แก่ประชาคมโลกด้วย