New Southbound Policy Portal

ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่  27 - 28 ธ.ค. 65
 
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 27 ธ.ค. นายไล่ชิงเต๋อ รองประธานาธิบดี สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้การต้อนรับ “คณะตัวแทนที่นำโดย Mr. Hiroshige Seko วุฒิสมาชิกจากพรรคเสรีประชาธิปไตยแห่งญี่ปุ่น” (Liberal Democratic Party) โดยรองปธน.ไล่ฯ คาดหวังที่จะเห็นทั้งสองประเทศประสานความร่วมมือกัน เพื่อสำแดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณแห่งการเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันที่ว่า  “หากไต้หวันมีปัญหา” ก็เท่ากับว่า “ญี่ปุ่นมีปัญหา” หรือ “หากญี่ปุ่นมีปัญหา” ก็เท่ากับว่า “ไต้หวันมีปัญหา” เพื่อร่วมเผชิญหน้ากับความท้าทายของ 2 ประเทศ รวมไปถึงพื้นที่ภูมิภาคอินโด - แปซิฟิก
 
รองปธน.ไล่ฯ แสดงความคิดเห็นว่า ต่อกรณีความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน – ญี่ปุ่น ประธานาธิบดีหลี่เติงฮุย อดีตประธานาธิบดีสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) และอดีตนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะแห่งญี่ปุ่น ต่างเป็นผู้นำที่มีบทบาทสำคัญของ 2 ประเทศ รองปธน.ไล่ฯ จึงคาดหวังที่จะเห็นทุกคนประสานสามัคคีกันในการสืบสานอุดมการณ์และสปิริตของ 2 ผู้นำให้คงอยู่ต่อไปตราบชั่วกาลนาน
 
รองปธน.ไล่ฯ แถลงว่า ขณะนี้ ประชาคมโลกต่างร่วมจับตาให้ความสำคัญต่อสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคอินโด - แปซิฟิก โดยรองปธน.ไล่ฯ คาดหวังที่จะเห็นทั้งสองประเทศเสริมสร้างความร่วมมือกัน ซึ่งนอกจากจะต้องร่วมธำรงรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคแล้ว ยังต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ และความต้องการด้านการพัฒนาทางเศรษฐกิจของสองประเทศอีกด้วย
 
Mr. Seko แสดงความคิดเห็นว่า รองปธน.ไล่ฯ ได้เน้นย้ำอยู่บ่อยครั้งว่า ไต้หวัน - ญี่ปุ่นควรประสานความร่วมมือกันอย่างเหนียวแน่น เพื่อส่งเสริมการพัฒนาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคอินโด - แปซิฟิก ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความเข้าใจให้รัฐบาลและประชาชนชาวญี่ปุ่น ประจักษ์ว่า การใช้อาวุธเปลี่ยนแปลงสถานภาพช่องแคบไต้หวันในปัจจุบัน เป็นสิ่งที่ไม่สามารถอนุโลมให้เกิดขึ้นได้ โดย Mr. Seko ระบุว่า ก่อนหน้านี้ รัฐบาลญี่ปุ่นเพิ่งทำการแก้ไขเอกสารว่าด้วยการรักษาความมั่นคง รวม 3 ฉบับภายใต้ “ยุทธศาสตร์หลักประกันทางความมั่นคงแห่งชาติ” เชื่อว่าภารกิจข้างต้น จะสามารถสร้างคุณประโยชน์ด้านสันติภาพและเสถียรภาพให้แก่นานาประเทศทั่วทั้งภูมิภาค ซึ่งเอกสาร 3 ฉบับข้างต้นได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากภาคประชาชนชาวไต้หวันเป็นอย่างมาก
 
นอกจากนี้ เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 28 ธ.ค. ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ก็ได้ให้การต้อนรับ “คณะตัวแทนที่นำโดย Mr. Hiroshige Seko วุฒิสมาชิกจากพรรคเสรีประชาธิปไตยแห่งญี่ปุ่น” โดยปธน.ไช่ฯ ชี้ว่า ขณะนี้ ไต้หวันกำลังมุ่งมั่นแสวงหาแนวทางการเข้ามีส่วนร่วมใน “ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก” (Comprehensive and Progressive Agreement of Trans-Pacific Partnership, CPTPP) จึงคาดหวังที่จะเห็นสมาชิกรัฐสภาญี่ปุ่นส่งมอบการสนับสนุนให้ไต้หวัน เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ไต้หวัน - ญี่ปุ่น และพันธมิตรในภูมิภาค ร่วมบรรลุวิสัยทัศน์ “มหาสมุทรอินโด - แปซิฟิกที่มีเสรีภาพและเปิดกว้าง” โดยในอนาคต ไต้หวันจะเร่งเสริมสร้างความร่วมมือในเชิงลึกกับญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรปและกลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน เพื่อร่วมธำรงรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค ตลอดจนสรรค์สร้างการพัฒนาที่เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นสืบไป
 
ปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า คณะตัวแทนกลุ่มนี้ล้วนเป็นกลุ่มพันธมิตรที่แข็งแกร่งของอดีตนรม.อาเบะ และเป็นมิตรสหายสำคัญที่ให้การสนับสนุนไต้หวันเสมอมาอย่างยาวนาน เมื่อมองย้อนอัตชีวประวัติของอดีตนรม.อาเบะ จะเห็นได้ว่า อดีตนรม.อาเบะได้มุ่งมั่นปกป้องค่านิยมประชาธิปไตยและเสรีภาพเสมอมา ควบคู่กับการเร่งผลักดันความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน - ญี่ปุ่น อย่างกระตือรือร้น โดยประชาชนชาวไต้หวันต่างรู้สึกเศร้าโศกเสียใจต่อการล่วงลับไปของอดีตนรม.อาเบะ
 
ปธน.ไช่ฯ กล่าวแสดงความขอบคุณสำหรับคุณประโยชน์ที่อดีตนรม.อาเบะอุทิศให้ต่อความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน - ญี่ปุ่น โดยปธน.ไช่ฯ ขอใช้โอกาสนี้ แสดงความขอบคุณต่อมิตรสหายสมาชิกรัฐสภาญี่ปุ่นที่ให้ความสำคัญและการสนับสนุนต่อไต้หวันอย่างหนักแน่น เนื่องจากความมุ่งมั่นพยายามของทุกคน จึงทำให้ความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนระหว่างไต้หวัน – ญี่ปุ่นมีความแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น  
 
ปธน.ไช่ฯ ระบุว่า ตราบจนปัจจุบัน ไต้หวันได้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมพรมแดนมาเป็นระยะเวลา 4 เดือนแล้ว โดยในระหว่างนี้ พวกเรามองเห็นการแลกเปลี่ยนด้านการท่องเที่ยวระหว่างสองประเทศกำลังกลับสู่ภาวะปกติ   ในช่วงสถานการณ์โรคโควิด – 19 ที่ผ่านมา ไต้หวัน – ญี่ปุ่นได้ร่วมบริจาคหน้ากากอนามัยและวัคซีนให้แก่กัน เพื่อก้าวผ่านความท้าทายที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 โดยปธน.ไช่ฯ กล่าวขอบคุณรัฐบาลญี่ปุ่นสำหรับการให้ความช่วยเหลือด้านการป้องกันโรคระบาดแก่ไต้หวัน โดยปธน.ไช่ฯ คาดหวังว่า นอกจากการท่องเที่ยวแล้ว ทั้งสองประเทศยังจะเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนเชิงลึกในด้านเศรษฐกิจ การค้าและความมั่นคงอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมรับมือกับความท้าทายในยุคหลังโควิด – 19 ต่อไป
 
Mr. Seko แถลงว่า ก่อนหน้านี้ รัฐบาลญี่ปุ่นได้ประกาศเอกสาร 3 ฉบับที่เกี่ยวกับยุทธศาสตร์หลักประกันด้านความมั่นคงแห่งชาติ โดย Mr. Seko ให้คำมั่นว่าจะจัดเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมและยกระดับศักยภาพการป้องกันประเทศของญี่ปุ่น โดยในระยะนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ก็ยังได้ลงนามใน “กฎหมายว่าด้วยการมอบอำนาจทางกลาโหม” ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นการสื่อให้เห็นถึง สถานภาพเดิมในปัจจุบันของภูมิภาคนี้ ไม่อนุญาตให้มีการเปลี่ยนแปลงด้วยกำลังทหาร รวมไปถึงการยกระดับศักยภาพการสกัดกั้นภัยคุกคามจากภายนอก
 
Mr. Seko คาดหวังที่จะเห็นกลุ่มประเทศในภูมิภาคยึดมั่นในหลักการอินโด – แปซิฟิกที่มีเสรีภาพและเปิดกว้าง ที่เสนอโดยอดีตนรม.อาเบะ ซึ่งรวมไปถึงอินเดียและออสเตรเลีย เป็นต้น ทั้งนี้ เพื่อธำรงรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคให้คงอยู่สืบต่อไป