New Southbound Policy Portal
ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 1 ม.ค. 66
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 1 ม.ค. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้กล่าว “สุนทรพจน์เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ 2566” ณ ทำเนียบประธานาธิบดี หลังเสร็จสิ้นการเข้าร่วมพิธีเชิญธงขึ้นสู่ยอดเสาหน้าทำเนียบปธน. เนื่องในวันเริ่มต้นปี 112 ตามปฏิทินสาธารณรัฐจีน โดยปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า ในปีใหม่นี้ ภารกิจหลัก 4 ประการของรัฐบาล ได้แก่ ดูแลความเป็นอยู่ของประชาชน รักษาศักยภาพทางเศรษฐกิจ ปกป้องความมั่นคงของประเทศชาติและรับผิดชอบต่อภาระหน้าที่ในภูมิภาค โดยพวกเราต้องประสานสามัคคีและผนึกกำลังของปวงชน เพื่อส่งเสริมให้ประเทศชาติก้าวสู่การพัฒนาที่รุดหน้า เจริญรุ่งเรือง มีสวัสดิภาพและเปี่ยมด้วยสันติสุข
สาระสำคัญของสุนทรพจน์ มีดังนี้
เนื่องในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ ข้าพเจ้าขออวยพรให้ทุกคนประสบแต่ความสุขตลอดทั้งปีนี้ โดยในปีที่ผ่านมานี้ พวกเราต่างร่วมเผชิญหน้ากับความท้าทายนานาประการ เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์โรคระบาดที่ล่วงเลยมาเป็นระยะเวลา 3 ปี พวกเราได้ผ่อนคลายมาตรการควบคุมพรมแดน ด้วยการเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกครั้ง อีกทั้งยังสามารถถอดหน้ากากอนามัยในขณะที่อยู่ในพื้นที่กลางแจ้ง เพื่อก้าวสู่ขั้นตอนใหม่ในยุคหลังโควิด – 19
เมื่อเดือนสิงหาคมของปีที่แล้ว รัฐบาลจีนได้จัดการซ้อมรบในพื้นที่รอบน่านน้ำไต้หวัน ส่งผลให้ทั่วโลกจับตาให้ความสำคัญต่อวิกฤตสถานการณ์ข้างต้น การที่พวกเราชาวไต้หวันรับมืออย่างมีสติ ทำให้ทั่วโลกประจักษ์ถึงความทรหด แข็งแกร่งและความมุ่งมั่นตั้งใจในปกป้องเสรีภาพของชาวไต้หวัน ท่ามกลางสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซีย - ยูเครน และสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและเศรษฐกิจโลก ประชาชนชาวไต้หวันกลับสามารถก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างมีเสถียรภาพ ตลอดระยะเวลา 365 วันที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม มีหลายคนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ข้างต้น อาทิ หลายคนเกิดความวิตกกังวลอันเกิดจากการติดเชื้อโควิด – 19 ซึ่งส่งผลให้สุขภาพของตนเองและสมาชิกในครอบครัว หรือแม้แต่ไม่สามารถรักษาหายได้จนต้องประสบกับความสูญเสีย มีหลายคนที่กิจการต้องประสบกับภาวะชะงักงัน อันเนื่องมาจากมาตรการป้องกันโรคระบาด และมีบางกลุ่มที่เกิดความวิตกกังวลต่อการดำรงชีวิตอันเนื่องมาจากความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจ
ต่อกรณีความเจ็บปวดเหล่านี้ที่ประชาชนต้องประสบอยู่ในปัจจุบัน ข้าพเจ้าในฐานะผู้นำประเทศ มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง
แต่ถึงกระนั้น รัฐบาลก็มิอาจรับมือต่อทุกปัญหาได้ในเวลาเดียวกันอย่างลงตัว แต่พวกเราจะยึดมั่นในหน้าที่ พร้อมมุ่งมั่นทุ่มเทพลังกายและพลังใจในการบรรลุภารกิจต่างๆ เพื่อสวัสดิการและความผาสุกของภาคประชาชน ด้วยการลงสำรวจต้นตอปัญหา พร้อมแก้ไขปัญหาอย่างทันท่วงที ทั้งนี้ เพื่อส่งมอบการดูแลที่ดีที่สุดให้แก่ภาคประชาชนทุกคนอย่างทั่วถึง
โดยเฉพาะในปี 2023 คงเป็นปีที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความท้าทายอีกมากมายรออยู่
เมื่อเผชิญหน้ากับสงครามสู้รบระหว่างรัสเซีย – ยูเครน อัตราเงินเฟ้อโลกและการแผ่ขยายอิทธิพลของอำนาจเผด็จการ หลายหน่วยงานระดับนานาชาติต่างคาดการณ์ว่า สถานการณ์เศรษฐกิจโลกในปี 2023 จะยังคงฟื้นตัวอย่างเชื่องช้า นานาประเทศทั่วโลกนอกจากจะต้องเผชิญหน้ากับความผันผวนของเศรษฐกิจและตลาดการเงินแล้ว ในด้านพลังงาน วิกฤตความขาดแคลนอาหาร ล้วนแล้วแต่มีความไม่แน่นอน ซึ่งส่งผลให้โครงสร้างทางเศรษฐกิจและศักยภาพการขยายตัว ต้องเผชิญหน้ากับบททดสอบอย่างไม่สิ้นสุด ซึ่งไต้หวันก็เป็นหนึ่งในนั้น
เมื่อเผชิญหน้ากับแรงกดดันที่เกิดจากอัตราเงินเฟ้อโลก และความเสี่ยงที่เกิดจากภาวะการถดถอยทางเศรษฐกิจ เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. ข้าพเจ้าได้เรียกประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ซึ่งเจ้าหน้าที่ภาครัฐได้ร่วมอภิปรายกันในภารกิจ 4 เป้าหมายหลัก ได้แก่ การบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของภาคประชาชน การสร้างเสถียรภาพทางค่าครองชีพของภาคประชาชน การปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมและการธำรงรักษาศักยภาพทางเศรษฐกิจ เป็นต้น
ในส่วนของการบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายของภาคประชาชน นอกจากค่าใช้จ่ายเรื่องปัจจัย 4 แล้ว ในด้านที่พักอาศัย พวกเราจะจัดสรรงบประมาณเงินอุดหนุนค่าเช่าบ้านให้แก่บรรดาผู้เช่า และส่งมอบเงินอุดหนุนให้แก่กลุ่มประชาชนที่ผ่อนจ่ายอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย เพื่อบรรเทาความเครียดในเรื่องภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ภาคประชาชน
นอกจากนี้ พวกเรายังจะเร่งจัดสรรโครงการเคหสถานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างบ้านสังคมสงเคราะห์ หรือการเร่งปรับปรุงบูรณะสร้างบ้านเก่าแก่ โดยมุ่งเน้นในด้านอุปสงค์ เพื่อส่งมอบตัวเลือกของที่พักอาศัยที่เหมาะสมให้แก่ภาคประชาชนต่อไป
นอกจากนี้ ในส่วนของผู้ที่มีรายรับต่ำกว่าเกณฑ์หรือผู้ที่มีรายรับอยู่ในเกณฑ์ต่ำ – ปานกลางในภาคสังคม ทางรัฐบาลก็จะจัดสรรเงินอุดหนุน เพื่อเสริมสร้างระบบการดูแลกลุ่มผู้ด้อยโอกาสในสังคม ทั้งนี้ เพื่อส่งมอบกลไกการบริการที่ครอบคลุมให้กลุ่มเป้าหมายต่อไป
เป้าหมายประการที่ 2 คือ การสร้างเสถียรภาพทางค่าครองชีพของภาคประชาชน ก็เป็นการช่วยบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ภาคประชาชนอีกรูปแบบหนึ่งเช่นเดียวกัน โดยเจ้าหน้าที่ภาครัฐจะลดอัตราภาษีสรรพสามิต รักษาเสถียรภาพราคาด้วยวิธีการอัดฉีดเงินอุดหนุนราคาค่าน้ำมันและค่าไฟฟ้าจากแหล่งต้นกำเนิด เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อวิถีชีวิตของภาคประชาชนที่เกิดจากความผันผวนของอัตราค่าครองชีพ
สำหรับการปรับโครงสร้างอุตสาหกรรมและการธำรงรักษาศักยภาพทางเศรษฐกิจ เพื่อรับมือต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย ประกอบกับการหดตัวของยอดใบสั่งซื้อ พวกเราจะส่งมอบเงินอุดหนุนและจัดสรรเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการในการวางรากฐานสายการผลิตใหม่ ลงทุนในอุปกรณ์รูปแบบอัจฉริยะและมีคุณสมบัติคาร์บอนต่ำ รวมไปถึงด้านซอฟต์แวร์ พร้อมนี้ เจ้าหน้าที่ภาครัฐยังจะให้ความช่วยเหลือแก่กลุ่มผู้ประกอบการรัฐวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ควบคู่ไปด้วย เพื่อมุ่งสู่ทิศทางที่สอดรับต่อกฎระเบียบในสังคม เปี่ยมด้วยความยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ ซึ่งนอกจากจะมีส่วนช่วยในการเปลี่ยนผ่านและยกระดับอุตสาหกรรมให้แก่กลุ่มผู้ประกอบการแล้ว ยังจะเป็นการเพิ่มยอดใบสั่งซื้อของอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลให้แก่ผู้ประกอบการภายในประเทศไปในตัวอีกด้วย
ในด้านการท่องเที่ยวนานาชาติ เนื่องด้วยตลาดการท่องเที่ยวในยุคหลังโควิด – 19 ค่อยๆ กลับสู่ภาวะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยไต้หวันสามารถบรรลุเป้าหมายว่าด้วยการดึงดูดให้กลุ่มนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าสู่ไต้หวัน ได้เป็นจำนวน 6 ล้านคนครั้งก่อนปี 2023
ต่อกรณียุทธศาสตร์ 6 อุตสาหกรรมหลัก ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพัฒนาของประเทศชาติในระยะยาว ทำเนียบประธานาธิบดีและสภาบริหาร ได้ร่วมพิจารณาทบทวนลำดับขั้นของการพัฒนาอุตสาหกรรมเชิงยุทธศาสตร์ พร้อมทั้งเรียกประชุมเพื่อปรึกษาหารือในการเชิญให้ภาคธุรกิจเอกชนและสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจต่างๆ เข้ามีส่วนร่วมในกลไกการพัฒนา โดยมีขอบเขตครอบคลุมทั้งในด้านอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร อุตสาหกรรมพลังงานสีเขียว อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐาน และอุตสาหกรรมกลาโหม เป็นต้น โดยรัฐบาลยินดีน้อมรับฟังความคิดเห็นของผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรม เพื่อร่วมระดมสมอง แสวงหาแนวทางที่เหมาะสม เพื่อส่งเสริมให้ไต้หวันสวมบทบาทที่สำคัญในระบบห่วงโซ่อุปทานโลกต่อไป ตลอดจนรักษาศักยภาพในการพัฒนาของภาคอุตสาหกรรม รวมไปถึงความมั่นคงและเสถียรภาพของความต้องการด้านพลังงานในด้านต่างๆ
โดยขณะนี้ กลุ่มผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ได้ยื่นเสนอข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ต่อนโยบายให้แก่ปธน.ไช่ฯ แล้ว ซึ่งจะมีการเรียกประชุมเพื่อจัดอภิปรายระหว่างเจ้าหน้าที่ภาครัฐต่อไป
ในวาระโอกาสนี้ ปธน.ไช่ฯ ได้ชี้แจงต่อภาคประชาชนว่า ตามความคาดการณ์ของกระทรวงการคลัง อัตราภาษีในประเทศตลอดทั้งปี 2022 คาดว่าจะมีมูลค่ามากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 450,000 ล้านเหรียญไต้หวัน ในจำนวนนี้ จะจัดสรรให้เทศบาลท้องถิ่นทั่วประเทศรวมเป็นเงิน 700 ล้านเหรียญไต้หวัน และที่เหลือ 380,000 ล้านเหรียญเป็นการจัดเก็บโดยรัฐบาลส่วนกลาง
โดยงบประมาณเกินดุลจำนวนนี้ พวกเราจะนำไปใช้ใน 3 ทิศทางหลัก ประการแรก นอกจากงบประมาณประจำปีที่จัดสรรไว้ในเบื้องต้นแล้ว พวกเรายังจะอัดฉีดงบประมาณเพิ่มเติมอีก 100,000 ล้านเหรียญไต้หวัน เพื่ออุดช่องโหว่ทางการเงินในด้านประกันแรงงานและประกันสุขภาพ ตลอดจนอัดฉีดให้แก่การไฟฟ้าไต้หวันเพื่อนำไปใช้ในการอุดหนุนค่าไฟฟ้า
และเพื่อรับมือต่อสถานการณ์ความผันผวนทางระบบเศรษฐกิจ พวกเราจะจัดสรรเงินจำนวน 100,000 ล้านเหรียญไต้หวัน เพื่อสนองต่อความต้องการทางการเงินในโครงการต่างๆ ภายใต้แนวทางการรับมือที่พวกเราได้ยื่นเสนอไปในข้างต้น
ประการที่สาม พวกเราจะจัดเก็บงบประมาณไว้จำนวนหนึ่งเป็นทุนสำรองเพื่อไว้รับมือต่อสถานการณ์ฉุกเฉิน พร้อมทั้งพิจารณาโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อภาคประชาชนส่วนรวม ภายในขอบเขตที่งบประมาณทางการเงินจะสามารถอนุมัติได้
นอกจากความท้าทายด้านเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมแล้ว การแผ่ขยายอิทธิพลของอำนาจเผด็จการ ส่งผลให้เกิดปัจจัยความไม่แน่นอนต่อเสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคอินโด - แปซิฟิก
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ปธน.ไช่ฯ ได้ยื่นเสนอ “แผนการปรับโครงสร้างกำลังพลเพื่อการป้องกันประเทศ” โดยหวังว่าจากการพิจารณาและปรับโครงสร้างกำลังพลเพื่อการป้องกันประเทศ รวมไปถึงการเสริมสร้างคุณภาพและปริมาณการฝึกอบรมของทหารเกณฑ์ จะเป็นการช่วยยกระดับศักยภาพทางการป้องกันประเทศด้วยการพึ่งพาตนเองของไต้หวัน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การปกป้องดินแดนประเทศชาติ พวกจากจะเป็นภารกิจของพี่น้องทหารแล้ว ประชาชนในประเทศก็ควรร่วมแบกรับภาระหน้าที่ร่วมกัน โดยในช่วงหลายวันมานี้ แวดวงต่างๆ ในสังคมได้ร่วมหารือและเสนอข้อคิดเห็นในโครงการการปรับโครงสร้างกำลังพล ซึ่งพวกเราจะรวบรวมไว้เป็นหลักอ้างอิงในการพิจารณา เพื่อส่งเสริมให้โครงการพัฒนาไปสู่ทิศทางที่รัดกุมยิ่งขึ้นต่อไป
นับตั้งแต่สถานการณ์โรคระบาดมาจนถึงสถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและเศรษฐกิจ สองฝั่งช่องแคบไต้หวันต่างต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายในรูปแบบเดียวกัน ซึ่งสงครามมิใช่คำตอบของการแก้ไขปัญหา มีเพียงการเจรจาและการประสานความร่วมมือ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายแห่งการพัฒนาเสถียรภาพในภูมิภาค จึงจะสามารถส่งเสริมให้ประชาชนได้รับความมั่นคงและสันติสุขกันถ้วนหน้า
พวกเราเล็งเห็นว่า ในระยะนี้ สถานการณ์โรคระบาดในจีนทวีความรุนแรงมากขึ้น หากมีความต้องการ พวกเรายินดีที่จะส่งมอบความช่วยเหลือที่จำเป็นภายใต้พื้นฐานของจุดยืนว่าด้วยการให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม ทั้งนี้ เพื่อช่วยเหลือคนจำนวนมากก้าวผ่านสถานการณ์โรคระบาดอันเลวร้าย มุ่งสู่สันติสุขและสุขภาพที่ดีตลอดทั้งปีใหม่นี้
ระยะนี้ สถานการณ์โรคระบาดในจีนค่อนข้างรุนแรง จึงทำให้หลายประเทศทยอยเพิ่มความเข้มงวดมาตรการควบคุมพรมแดน เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ตามสถานการณ์ล่าสุดและคำชี้แนะของผู้เชี่ยวชาญ นับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 31 ม.ค. ปี 2566 พวกเราก็จะบังคับใช้มาตรการป้องกันโรคระบาดที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างหลักประกันทางสุขภาพให้แก่ภาคประชาชนด้วยเช่นกัน
สถานการณ์โรคระบาดทั่วโลกกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งพวกเราจะเฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งดำเนินการปรับเปลี่ยนมาตรการป้องกันโรคระบาดอย่างต่อเนื่อง ปธน.ไช่ฯ จึงใช้โอกาสนี้เรียกร้องให้ประชาชนเข้ารับวัคซีนป้องกันโรคระบาดสายพันธุ์ใหม่ เพื่อสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคโควิด – 19 ตลอดจนรักษาสุขภาพของกันและกันให้ห่างไกลจากเชื้อไวรัส