New Southbound Policy Portal

CECC ประกาศผ่อนคลายมาตรการสวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่ภายในอาคาร ตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ. เป็นต้นไป หากสถานการณ์โรคโควิด – 19 ดีขึ้น

กระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการ วันที่ 9 ก.พ. 66
 
เมื่อวันที่ 9 ก.พ. ที่ผ่านมา ศูนย์บัญชาการกลางป้องกันโรคระบาดไต้หวัน (CECC) แถลงว่า เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ภายในประเทศทุเลาลงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับศักยภาพทางการแพทย์ของไต้หวันเพียงพอต่อความต้องการของภาคประชาชน และได้มีการหารือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังจากที่รัฐบาลได้ทำการประเมินอย่างละเอียดแล้ว CECC เห็นว่า หากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด -19 ยังคงถูกควบคุมไว้ได้อย่างมีเสถียรภาพ นับตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ. นี้ เป็นต้นไป จะผ่อนคลายมาตรการสวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่ภายในอาคาร ซึ่งเนื้อหาโดยสังเขปของกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องปรากฏดังนี้ :

1. ประชาชนยังคงต้องให้ความร่วมมือในการสวมหน้ากากอนามัยอย่างเคร่งครัด ภายในสถานที่ตามที่ระบุไว้ด้านล่างนี้ 

(1) สถานพยาบาล อาทิ โรงพยาบาล หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทางการแพทย์ ศูนย์สวัสดิการผู้สูงอายุ หน่วยงานดูแลผู้สูงอายุระยะยาว บ้านพักสวัสดิการสำหรับทหารปลดเกษียณสูงอายุ หน่วยงานดูแลเด็กและเยาวชน และหน่วยงานสวัสดิการสำหรับผู้ทุพพลภาพ
(2) ระบบขนส่งมวลชนและการโดยสารยานพาหนะบางประเภท อาทิ รถไฟ เรือโดยสารและอากาศยาน หรือภายในท่าอากาศยาน
 
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีความประสงค์ต้องการจะรับประทานอาหาร ถ่ายภาพ หรือเข้ารับการตรวจ รักษาหรือดำเนินกิจกรรมที่ไม่สามารถหรือไม่สะดวกต่อการสวมใส่หน้ากากอนามัย สามารถถอดหน้ากากอนามัยได้ชั่วคราว
 
2. ภายใต้สถานการณ์ที่มีความจำเป็นต้อง ควรที่จะสวมหน้ากากอนามัยไว้อย่างเคร่งครัด :

(1) มีไข้หรือมีอาการที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินหายใจ
(2) ผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ มีความประสงค์ต้องการจะออกนอกเคหสถาน
(3) สถานที่ที่มีผู้คนแออัดและไม่สามารถรักษาระยะห่างทางสังคม หรือเข้าสู่สถานที่ที่อากาศไม่ถ่ายเท
(4) เมื่อต้องสัมผัสใกล้ชิดกับผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ (โดยเฉพาะผู้ที่ยังได้รับวัคซีนไม่ครบโดส)
 
3. สถานที่ในร่มและพื้นที่ภายในอาคารอื่นๆ ประชาชนสามารถตัดสินใจสวมหน้ากากอนามัยได้เองตามความสมัครใจ 

4. มาตรการข้างต้นเป็นกฎระเบียบที่มีผลบังคับใช้ต่อภาคประชาชนส่วนรวม โดยรายละเอียดที่เกี่ยวข้องต้องอ้างอิงตามกฎระเบียบของหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลโดยตรง

 
CECC ระบุว่า สำหรับสถานศึกษาทุกระดับชั้น โรงเรียนอนุบาล สถานรับเลี้ยงเด็กหลังเลิกเรียน สถาบันสอนพิเศษและเนอสเซอรี่ ต้องอ้างอิงกฎระเบียบที่กำหนดโดยกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุขฯ ซึ่งได้มีการขยายระยะเวลาในการสวมหน้ากากอนามัยภายในสถานศึกษาไปจนถึงวันที่ 6 มี.ค. นี้ หากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ยังคงถูกควบคุมไว้ได้อย่างมีเสถียรภาพ จึงจะประกาศยกเลิกมาตรการสวมหน้ากากอนามัยตามข้อกำหนดของ CECC เป็นลำดับต่อไป
 
CECC ขอเตือนว่า ประชาชนยังคงต้องรักษาสุขอนามัยของมืออย่างเคร่งครัด และป้องปากและจมูกเมื่อมีการไอและจาม เพื่อปกป้องสุขภาพของตนเองและผู้อื่น ตลอดจนเพื่อร่วมรักษาความปลอดภัยในชุมชนภายในประเทศ พร้อมนี้ ยังได้มีการเรียกร้องให้ประชาชนที่ยังไม่ได้เข้ารับวัคซีนป้องกันโรคโควิด – 19 เร่งเข้ารับวัคซีนโดยเร็ว เพื่อปกป้องสุขภาพของตนเองและมิตรสหายรอบข้าง