New Southbound Policy Portal

ปธน.ไช่อิงเหวินและปธน.ปารากวัย ร่วมเสวนาและเป็นสักขีพยานในการลงนาม “ความตกลงทางความร่วมมือระหว่าง 2 ประเทศ”

ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 16 ก.พ. 66
 
หลังเสร็จสิ้นพิธีตรวจแถวกองทหารเกียรติยศเพื่อให้การต้อนรับอย่างสมเกียรติแก่ H.E. Mario Abdo Benitez ประธานาธิบดีของสาธารณรัฐปารากวัย และภริยา เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 16 ก.พ. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) พร้อมด้วยนายไล่ชิงเต๋อ รองประธานาธิบดี และปธน. Benitez ได้ร่วมพูดคุยเสวนา และเป็นสักขีพยานในการลงนาม “ความตกลงทางความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนและการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่การทูต” ระหว่างสองประเทศ โดยปธน.ไช่ฯ ได้แสดงความขอบคุณต่อปธน. Benitez ที่ร่วมเป็นกระบอกเสียงให้การสนับสนุนไต้หวันเข้ามีส่วนร่วมในองค์การระหว่างประเทศในเวทีนานาชาติบ่อยครั้ง พร้อมหวังที่จะเห็นทั้งสองประเทศสร้างความร่วมมือแบบทวิภาคีในเชิงลึกระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อก้าวสู่การเป็นพันธมิตรรอบด้านในการร่วมสร้างคุณประโยชน์ที่เพิ่มพูนมากยิ่งขึ้นให้แก่ประชาคมโลกต่อไป
 
ปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า เพื่อก้าวผ่านสถานการณ์ความท้าทายที่เกิดจากโรคระบาด นับตั้งแต่ปี 2021 ไต้หวัน – ปารากวัยได้ร่วมผลักดันโครงการส่งมอบความช่วยเหลือแก่ภูมิภาคลาตินอเมริกาและพื้นที่แถบทะเลแคริบเบียน ควบคู่ไปกับการกระตุ้นเศรษฐกิจและสิทธิสตรี โดยโครงการข้างต้นนี้ได้ให้ความช่วยเหลือสตรีชาวปารากวัยจำนวนพันกว่าคน ให้ได้รับการฝึกอบรมทางวิชาชีพและได้รับเงินทุนที่จำเป็นในการสร้างอาชีพ
 
ปธน.ไช่ฯ แถลงว่า วานนี้ (15 ก.พ. 2023) ปธน.ไช่ฯ และปธน. Benitez พร้อมด้วยภริยาได้เข้าร่วม “การประชุมนานาชาติด้านการส่งเสริมสิทธิสตรีในภูมิภาคลาตินอเมริกาและพื้นที่แถบทะเลแคริบเบียน” ปธน.ไช่ฯ จึงขอใช้โอกาสนี้แสดงความขอบคุณต่อปธน. Benitez และ Ms. Silvana López Moreira สตรีหมายเลข 1 ของปารากวัย ที่เข้าร่วมแบ่งปันประสบการณ์ของปารากวัยในระหว่างการปราศรัยในพิธีเปิดและบนเวทีเสวนาพูดคุย พร้อมทั้งยังร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามความตกลงทางความร่วมมือระหว่างสองประเทศด้านการฝึกอบรมและการแลกเปลี่ยนระหว่างเจ้าหน้าที่การทูต
 
ปธน. Benitez เห็นว่า นอกจากไต้หวันจะเป็นพันธมิตรที่สำคัญสำหรับปารากวัยแล้ว ยังเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญอีกด้วย โดยนอกจากทั้งสองฝ่ายจะเชื่อมสัมพันธ์กันบนรากฐานของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศแล้ว ยังยึดมั่นในค่านิยมสากลด้านเสรีภาพ ประชาธิปไตยและการเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันเสมอมา
 
ปธน. Benitez กล่าวอีกว่า ปารากวัยได้ประจักษ์และได้รับการช่วยเหลือจากไต้หวันในยามยากลำบาก เฉกเช่นในครั้งนี้ที่ทั่วโลกประสบกับผลกระทบจากสถานการณ์โรคโควิด – 19 จึงขอขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือของรัฐบาลสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ที่มุ่งมั่นร่วมกันสกัดกั้นโรคระบาดอย่างเต็มที่ โดยปารากวัยถือเป็นประเทศในภูมิภาคลาตินอเมริกาที่มีการชะลอตัวของเศรษฐกิจน้อยที่สุด ภายใต้สถานการณ์โควิด - 19 โดยการขยายตัวทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศในลาตินอเมริกา มีอัตราการชะลอตัวกว่าร้อยละ 7.4 โดยที่ปารากวัยมีอัตราชะลอตัวเพียงร้อยละ 0.8 เท่านั้น ซึ่งผลสัมฤทธิ์เหล่านี้ล้วนเกิดจากความช่วยเหลือของไต้หวัน ปารากวัยจึงสามารถประสบความสำเร็จในการควบคุมสถานการณ์โรคโควิด – 19 ไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
 
ปธน. Benitez ยังขอบคุณไต้หวันที่ร่วมผลักดัน “โครงการให้ความช่วยเหลือด้านการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการส่งเสริมสิทธิสตรีในลาตินอเมริกาและทะเลแคริบเบียน ยุคหลังโควิด - 19” พร้อมกล่าวว่า สถานการณ์โรคโควิด – 19 ตลอดช่วงที่ผ่านมา กลุ่มสตรีนับเป็นกลุ่มด้อยโอกาสและกลุ่มที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก แต่จากโครงการข้างต้นนี้ ทำให้ปารากวัยกลายเป็นประเทศที่มีอัตราการจ้างงานสูงที่สุดในตลาดแรงงานของอเมริกาใต้ตอนล่าง
 
ปธน. Benitez ย้ำอีกว่า ตนขอยืนยันถึงจุดยืนอันแน่วแน่ของรัฐบาลปารากวัยอีกครั้ง และขอให้การสนับสนุนสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) เข้ามีส่วนร่วมในองค์การระหว่างประเทศ เพื่อร่วมเผชิญกับความท้าทายไปพร้อมกับประชาคมโลก นอกจากนี้ ในแง่ของเศรษฐกิจ ทั้งสองประเทศต่างเอื้อประโยชน์และบูรณาการทรัพยากรร่วมกัน ภายใต้ความมุ่งมั่นพยายามร่วมกันของรัฐบาลสองฝ่าย ส่งผลให้มูลค่าการค้าระหว่างกันมีการขยายตัวสูงกว่า 3 เท่าขึ้นไป
 
ปธน. Benitez ยังเห็นว่า “ความตกลงทางความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ” ที่ร่วมลงนามระหว่างไต้หวัน - ปารากวัยในปี 2018 ได้มีการดำเนินการตามความตกลงอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งช่วยให้รัฐบาลปารากวัยสามารถผลักดันเป้าหมายตามนโยบายและแผนแม่บทในการพัฒนาระดับประเทศได้อย่างราบรื่น อันจะเห็นได้จากรัฐบาลภายใต้การนำของของปธน. Benitez เป็นรัฐบาลที่สร้างที่พักอาศัยสำหรับประชาชนเป็นจำนวนมากที่สุดเป็นประวัติการณ์
 
ปธน. Benitez ยังเห็นว่า การเดินทางเยือนไต้หวันในครั้งนี้ ตนยังได้เข้าร่วม “งานแถลงข่าวโอกาสการลงทุนในปารากวัยและการประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์เนื้อสัตว์ของปารากวัย” ที่จัดขึ้นในไต้หวัน โดยปธน. Benitez ได้ชี้ให้เห็นถึงข้อได้เปรียบของสภาพแวดล้อมด้านการลงทุนในปารากวัย และประชาสัมพันธ์สิทธิพิเศษที่จะมอบให้กับผู้ประกอบการชาวไต้หวัน โดยปธน. Benitez ยังยินดีเป็นอย่างยิ่งที่มูลค่าการจัดซื้อผลิตภัณฑ์เนื้อวัวในปี 2022 มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งก่อนหน้าที่ปธน. Benitez จะขึ้นดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศ มีมูลค่า 35 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ก่อนจะขยายตัวมาอยู่ที่ 204 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปัจจุบัน
 
หลังเส็รจสิ้นการประชุม ก็มีพิธีลงนามซึ่ง ปธน.ไช่ฯ และปธน. Benitez ต่างร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนาม “ความตกลงทางความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนและการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่การทูต” ระหว่างนายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) และ Mr. Julio César Arriola รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐปารากวัยด้วย