New Southbound Policy Portal

ปธน.สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรเอสวาตินี โดยไต้หวันจะเร่งผลักดันความร่วมมือและการแลกเปลี่ยน ด้วยการผนึกกำลังระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อเสริมสร้างมิตรภาพระหว่างสองประเทศให้เป็นไปในเชิงลึกต่อไป

ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 6 มี.ค. 66
 
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้การต้อนรับ Mr. Cleopas Sipho Dlamini นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรเอสวาตินี พร้อมด้วยภริยา โดยปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า ไต้หวัน - เอสวาตินีเป็นพันธมิตรที่ประสานความร่วมมือ เอื้อประโยชน์แก่กัน และยังเป็นพันธมิตรด้านการป้องกันโรคระบาดที่สำคัญของกันและกัน ตลอดจนยังเร่งเสริมสร้างความร่วมมือเชิงลึกในด้านต่างๆ อาทิ เศรษฐกิจ การค้า สาธารณสุขและเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นต้น โดยในอนาคต ทั้งสองประเทศจะยังคงผนึกกำลังร่วมกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ในการเร่งผลักดันการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือ เพื่อส่งเสริมให้มิตรภาพระหว่าง 2 ประเทศให้เป็นไปในเชิงลึกยิ่งขึ้น
 
ปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า นับเป็นครั้งแรกที่ นรม. Dlamini นำคณะตัวแทนซึ่งเป็นบรรดารัฐมนตรีของเอสวาตินี เดินทางมาเยือนไต้หวัน ปธน.ไช่ฯ ในฐานะตัวแทนของรัฐบาลและประชาชนชาวไต้หวัน ขอให้การต้อนรับด้วยใจจริง การเดินทางมาเยือนของคณะตัวแทนในครั้งนี้ นอกจากจะสำแดงให้เห็นถึงมิตรภาพอันเหนียวแน่นระหว่าง 2 ประเทศแล้ว ยังเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์แบบทวิภาคีระหว่างกันด้วย
 
ก่อนหน้านี้ ในปี 2018 ปธน.ไช่ฯ เคยเดินทางเยือนเอสวาตินี ได้สัมผัสกับทัศนียภาพอันกว้างไกลในทวีปแอฟริกาและได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากประชาชนในพื้นที่อย่างเป็นกันเอง ซึ่งสร้างความประทับใจให้แก่ปธน.ไช่ฯ เป็นอย่างมาก หลังจากนั้นไม่นาน สมเด็จพระราชาธิบดีอึมสวาตีที่ 3 แห่งเอสวาตินี (H.M. King Mswati III) ก็ได้นำคณะเดินทางมาเยือนไต้หวัน  2 ครั้ง เพื่อเป็นสักขีพยานในผลสัมฤทธิ์ที่เกิดจากการแลกเปลี่ยนระหว่าง 2 ประเทศในด้านต่างๆ

ปธน.ไช่ฯ แสดงทรรศนะว่า ไต้หวัน – เอสวาตินีต่างเป็นประเทศที่เคารพต่อกฎกติกาสากล ควบคู่ไปกับการธำรงรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคอย่างหนักแน่น ปธน.ไช่ฯ จึงขอใช้โอกาสนี้แสดงความขอบคุณต่อรัฐบาลเอสวาตินีที่ให้การสนับสนุนไต้หวันเข้าร่วมในองค์การระหว่างประเทศอย่างกระตือรือร้นมา โดยตลอด นรม. Dlamini ก็ได้ทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงให้ไต้หวันในเวทีนานาชาติอย่างหนักแน่นเสมอมา ซึ่งมิตรภาพเหล่านี้สร้างความประทับใจให้แก่ประชาชนชาวไต้หวันเป็นอย่างมาก
 
ปธน.ไช่ฯ ระบุว่า ในปีนี้เป็นวาระครบรอบ 55 ปีที่ไต้หวัน – เอสวาตินีสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตร่วมกัน  ในอนาคต พวกเราจะเร่งผลักดันความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนระหว่าง 2 ประเทศ ด้วยการผนึกกำลังระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อส่งเสริมให้มิตรภาพของ 2 ประเทศเป็นไปในเชิงลึกต่อไป
 
ในลำดับต่อมา นรม. Dlamini ก็ได้ขึ้นกล่าวปราศรัย โดยได้ส่งผ่านคำทักทายของสมเด็จพระราชาธิบดีอึมสวาตีที่ 3 สมเด็จพระราชินีและภาคประชาชนของเอสวาตินีที่มีต่อไต้หวันด้วยความจริงใจ พร้อมทั้งแสดงความขอบคุณต่อปธนไช่ฯ และรัฐบาลไต้หวัน สำหรับการต้อนรับและการจัดตารางการเดินทางในระหว่างการเยือนไต้หวันในครั้งนี้ โดยการเยือนไต้หวันครั้งนี้ มีความสำคัญต่อมิตรภาพตลอด 55 ปีระหว่างไต้หวัน - เอสวาตินีเป็นอย่างมาก การปฏิสัมพันธ์ระหว่างพันธมิตรทางความร่วมมือในโครงการต่างๆ มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาทางสังคมและเศรษฐกิจในเอสวาตินีเป็นอย่างมาก
 
นรม. Dlamini ระบุว่า ในช่วงสถานการณ์โรคโควิด – 19 พื้นที่ทางตอนใต้ของแอฟริกายังได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญ (El Niño) และปรากฏการณ์ลานีญา (La Nina) ซึ่งไม่เว้นแม้แต่เอสวาตินี จึงทำให้พวกเราตระหนักถึงการที่ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่เหนือการควบคุมเมื่อตกอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ภัยพิบัติครั้งรุนแรง โดยในช่วงเวลาดังกล่าว ไต้หวันได้ส่งมอบความช่วยเหลือให้แก่เอสวาตินีอย่างอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้เสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่าง 2 ประเทศให้เกิดความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น และสร้างความเชื่อมั่นให้ชาวเอสวาตินีได้เห็นว่า ทั้ง 2 ประเทศสามารถรุกขยายความสัมพันธ์เป็นวงกว้างในด้านต่างๆ ต่อไปในอนาคต
 
นรม. Dlamini ชี้ว่า ไต้หวันเป็นพันธมิตรด้านการเมืองและความร่วมมือที่สำคัญของเอสวาตินี โดยเอสวาตินีจะเสริมสร้างความร่วมมือที่เพิ่มพูนมากยิ่งขึ้นกับไต้หวันอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมเรียนรู้แนวทางการพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรืองของไต้หวัน ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤตที่ต้องเผชิญหน้าอย่างไม่สิ้นสุด
 
นรม. Dlamini แถลงว่า ความสัมพันธ์อันดีระหว่างไต้หวัน – เอสวาตินีได้สร้างผลสัมฤทธิ์ด้านการพัฒนาในเอสวาตินีอย่างเป็นรูปธรรมมากมาย โดยเฉพาะการติดตั้งระบบจ่ายไฟฟ้า การเกษตร การแพทย์และสาธารณสุข ความร่วมมือทางวิชาการและโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ชนบท เป็นต้น นอกจากนี้จากการประสานความร่วมมือด้านการศึกษาระหว่างกัน ก็ส่งผลให้กลุ่มแรงงานในเอสวาตินีได้รับอานิสงส์ ด้วยการเปิดโอกาสให้กลุ่มเป้าหมายได้รับการศึกษาระดับนานาชาติ โดย “โครงการแอฟริกา”ที่เพิ่งเปิดตัวไม่นานนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งโครงการที่ส่งเสริมและส่งมอบโอกาสให้ประชาชนชาวเอสวาตินีเดินทางมาประกอบอาชีพหรือศึกษาต่อในไต้หวันเป็นจำนวนเพิ่มมากขึ้น
 
นรม. Dlamini กล่าวว่า เอสวาตินีจะให้การสนับสนุนสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) อย่างต่อเนื่อง และจะร่วมเป็นกระบอกเสียงให้ไต้หวันเข้ามีส่วนร่วมในองค์การสหประชาชาติและหน่วยงานภายในที่เกี่ยวข้อง โดยคาดหวังที่จะเห็นไต้หวันเข้าร่วมในองค์การระหว่างประเทศอย่างเต็มตัว เพื่อร่วมแบ่งปันประสบการณ์ และอุทิศคุณประโยชน์ที่เพิ่มพูนมากขึ้นในการพัฒนาความร่วมมือด้านต่างๆ อาทิ การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ การแพทย์สาธารณสุข พลังงานและมลภาวะ เป็นต้น นอกจากนี้ นรม. Dlamini ยังได้แสดงจุดยืนอย่างหนักแน่นในการต่อต้านพฤติกรรมการรุกรานและการวางอำนาจบาตรใหญ่ของกลุ่มประเทศเผด็จการ  โดยเห็นว่า ประชาชนควรได้รับสิทธิเสรีภาพในการเลือกรัฐบาล อธิปไตยควรได้รับการเคารพ  รัฐบาลไต้หวันควรมาจากการเลือกตั้งอย่างเสรีและยุติธรรมของประชาชนชาวไต้หวัน  โดยไม่มีแรงกดดันจากภายนอกเข้าแทรกแซง