New Southbound Policy Portal
ทำเนียบประธานาธิบดีและกระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 13 เม.ย. 66
เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 13 เม.ย. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้การต้อนรับ Ms. Kitlang Kabua รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและการค้าระหว่างประเทศของสาธารณรัฐหมู่เกาะมาร์แชลล์ โดยปธน.ไช่ฯ กล่าวว่า ไต้หวันและสาธารณรัฐหมู่เกาะมาร์แชลล์ มีความสำเร็จทางความร่วมมือระหว่างกันหลายประการ ทั้งในด้านการแพทย์ การเกษตรและการศึกษา เป็นต้น ซึ่งได้รับการเสริมสร้างในเชิงลึกเสมอมาอย่างต่อเนื่อง จึงขอแสดงความขอบคุณต่อรัฐบาลหมู่เกาะมาร์แชลล์ที่ให้การสนับสนุนไต้หวันเข้ามีส่วนร่วมในองค์การระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยคาดหวังที่จะเห็นทั้งสองฝ่ายเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันในเวทีนานาชาติต่อไป เพื่อร่วมเสริมสร้างความทรหดด้านประชาธิปไตย ตลอดจนร่วมสร้างคุณประโยชน์ที่เพิ่มพูนมากขึ้นให้เกิดแก่ภูมิภาคอินโด – แปซิฟิกสืบต่อไป
นับเป็นครั้งแรกที่ Ms. Kitlang Kabua เดินทางเยือนไต้หวัน หลังจากที่เข้ารับดำรงตำแหน่งเป็นต้นมา ซึ่งปธน.ไช่ฯ เผยว่า เมื่อเดือนมีนาคมของปีที่แล้ว H.E. David Kabua ประธานาธิบดีของสาธารณรัฐหมู่เกาะมาร์แชลล์ได้นำคณะเดินทางเยือนไต้หวัน และร่วมกันประกาศการจัดตั้ง “กองทุนเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ระหว่างไต้หวัน - หมู่เกาะมาร์แชลล์” โดยคณะตัวแทนที่เดินทางมาในครั้งนี้ จะได้เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งกองทุนแบบทวิภาคีระหว่างสองประเทศ ซึ่งพวกเราจะร่วมมุ่งมั่นพัฒนาให้เกิดความยั่งยืนร่วมกันสืบต่อไป
ปธน.ไช่ฯ กล่าวอีกว่า ในด้านการเกษตร ภายใต้ความมุ่งมั่นพยายามร่วมกันของกลุ่มผู้เชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีของไต้หวันและรัฐบาลหมู่เกาะมาร์แชลล์ เมื่อเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว ได้มีการจัดตั้งฟาร์มการเกษตรด้วยเทคโนโลยีดาวเทียมขึ้นที่เกาะอีเบเย (Ebeye) ซึ่งเป็นถิ่นฐานบ้านเกิดของรมว. Kabua เพื่อเป็นการส่งเสริมการพัฒนาทางการเกษตรในพื้นที่
พวกเราตระหนักเห็นว่า รมว. Kabua ได้ให้ความสำคัญต่อการศึกษาของภาคประชาชนเป็นอย่างมาก ปธน.ไช่ฯ จึงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ทราบว่า ไต้หวันเป็นหนึ่งในประเทศจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมในการเลือกศึกษาต่อในกลุ่มนักศึกษาชาวหมู่เกาะมาร์แชลล์ โดยในปีนี้มีนักศึกษาจากหมู่เกาะมาร์แชลล์ที่มีผลการเรียนยอดเยี่ยม รวม 12 คน ได้รับทุนการศึกษาจากรัฐบาลไต้หวัน ซึ่งเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 4 คน เชื่อว่าจะมีส่วนช่วยในการกระตุ้นการแลกเปลี่ยนและส่งเสริมการสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในภายภาคหน้าต่อไป
ปธน.ไช่ฯ ได้ใช้โอกาสนี้แสดงความขอบคุณต่อรมว. Kabua และรัฐบาลหมู่เกาะมาร์แชลล์ ที่ได้ให้การสนับสนุนไต้หวันเข้าร่วมในองค์การระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเป็นกระบอกเสียงให้ไต้หวัน ทั้งในการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (UNGA) และการประชุมสมัชชาอนามัยโลก (WHA) ซึ่งประสบความสำเร็จในการดึงดูดความสนใจจากประชาคมโลก
ในลำดับต่อไปเป็นการกล่าวปราศรัยของรมว. Kabua ซึ่งเห็นว่า สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) เป็นมิตรสหายและพันธมิตรที่สำคัญของหมู่เกาะมาร์แชลล์ ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศได้รับการสถาปนาขึ้นอันเนื่องมาจากการที่ผู้นำทั้งสองประเทศ ยึดมั่นในจุดยืนและค่านิยมเดียวกัน ทั้งในหลักการประชาธิปไตยและการเคารพต่อสิทธิมนุษยชน ซึ่งพวกเรารู้สึกภาคภูมิใจต่อความสำเร็จที่ทั้งสองประเทศได้พัฒนาร่วมกันตลอดมา โดยในปีนี้ก้าวเข้าสู่ปีที่ 25 แล้ว ที่ทั้งสองฝ่ายได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตร่วมกัน
รมว. Kabua ชี้ว่า การเดินทางเยือนไต้หวันในครั้งนี้ ก็เพื่อต้องการแสดงให้เห็นถึงสัมพันธภาพอันใกล้ชิดระหว่างสองประเทศที่แข็งแกร่งและมีเสถียรภาพ พร้อมคาดหวังที่จะเห็นทั้งสองประเทศสร้างความสัมพันธ์ในเชิงลึกแบบทวิภาคีและในเวทีนานาชาติต่อไป ขณะเดียวกัน รมว. Kabua ยังได้ให้คำมั่นต่อไต้หวันว่า หมู่เกาะมาร์แชลล์จะเป็นพันธมิตรของไต้หวันที่มีความหนักแน่นต่อไป ด้วยการร่วมเป็นกระบอกเสียง ควบคู่ไปกับการสนับสนุนไต้หวันให้เข้ามีส่วนร่วมในระบบของสหประชาชาติและองค์การระหว่างประเทศต่อไป
โดยในวันเดียวกันนี้ นายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) และ Ms. Kitlang Kabua รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและการค้าระหว่างประเทศ ยังได้ร่วมลงนามใน “ความตกลงด้านความร่วมมือว่าด้วยการแลกเปลี่ยนและการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ทางการทูต ระหว่างสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) - สาธารณรัฐหมู่เกาะมาร์แชลล์” และ “บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งกองทุนเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ระหว่างรัฐบาลสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) - สาธารณรัฐหมู่เกาะมาร์แชลล์”
ก่อนพิธีลงนาม รมว.ทั้งสองประเทศได้ร่วมพูดคุยหารือกันเป็นระยะเวลาสั้นๆ โดยรมว.อู๋ฯ แสดงความยินดีในการต้อนรับ รมว. Kabua ที่ได้เดินทางมาเยือนไต้หวันเป็นครั้งแรกหลังเข้ารับตำแหน่ง พร้อมร่วมแบ่งปันผลสัมฤทธิ์ทางความร่วมมือในด้านต่างๆ ที่เกิดจากความมุ่งมั่นระหว่างสองประเทศ ทั้งในด้านความมั่นคงทางอาหาร พลังงานยั่งยืน การแพทย์สาธารณสุขและการส่งเสริมศักยภาพสตรี เป็นต้น โดยรมว.อู๋ฯ ยังได้ใช้โอกาสนี้แสดงความขอบคุณต่อรัฐบาลหมู่เกาะมาร์แชลล์ที่ร่วมเป็นกระบอกเสียงให้ไต้หวันในเวทีนานาชาติเสมอมา
รมว. Kabua ก็ได้แสดงความขอบคุณต่อไต้หวันที่ได้ให้ความช่วยเหลือในการพัฒนาประเทศของหมู่เกาะมาร์แชลล์ ควบคู่ไปกับการผลักดันโครงการความร่วมมือในด้านต่างๆ ในพื้นที่หมู่เกาะมาร์แชลล์ โดยรมว. Kabua กล่าวว่า ไต้หวัน – หมู่เกาะมาร์แชลล์ต่างมีความเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมออสโตรนีเซียนร่วมกัน อีกทั้งต่างก็ให้ความสำคัญต่อมิตรภาพระหว่างกันเป็นอย่างมาก จึงยินดีที่จะให้การสนับสนุนไต้หวันเข้ามีส่วนร่วมในองค์การระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ รมว. Kabua ยังได้ชื่นชมไต้หวันที่ได้จัดการฝึกอบรมให้บรรดาแพทย์ของหมู่เกาะมาร์แชลล์ จำนวน 8 คน ซึ่งเป็นการช่วยยกระดับมาตรฐานทางการแพทย์ในพื้นที่ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงรูปแบบความร่วมมือทางการเกษตรที่กลุ่มผู้เชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีของไต้หวันได้ทำการผลักดันในหมู่เกาะมาร์แชลล์ นอกจากนี้ ยังได้แสดงความชื่นชมต่อศักยภาพด้านการวิจัยและการพัฒนาทางเทคโนโลยีของไต้หวัน พร้อมหวังว่า ทั้งสองฝ่ายจะสร้างความสัมพันธ์ทางความร่วมมือในด้านพลังงานสะอาดในเชิงลึกต่อไป
การรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ เป็นภารกิจตามนโยบายการพัฒนาประเทศชาติที่สำคัญที่มีความเร่งด่วนที่สุดของหมู่เกาะมาร์แชลล์ เพื่อสร้างศักยภาพในการรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศให้แก่หมู่เกาะมาร์แชลล์ ควบคู่ไปกับการสร้างหลักประกันว่าด้วยสิทธิในการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน ไต้หวัน – หมู่เกาะมาร์แชลล์ จึงได้ร่วมลงนามใน“บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งกองทุนเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ” เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนและการสร้างความร่วมมือในด้านพลังงานสีเขียว โครงสร้างพื้นฐาน ระบบการแจ้งเตือนภัยล่วงหน้าและการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการ เป็นต้น อันจะนำไปสู่การจัดตั้งกลไกการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศที่มีความทรหดต่อไป
โดยหลังเสร็จสิ้นพิธีลงนาม รมว.อู๋ฯ ก็ได้จัดเลี้ยงอาหารเพื่อให้การต้อนรับรมว. Kabua และคณะตัวแทนด้วย