New Southbound Policy Portal

กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 3 พ.ค. 66
 
เมื่อวันที่ 3 พ.ค. ที่ผ่านมา นายอวี๋ต้าเหลย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้จัดงานเลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อต้อนรับคณะตัวแทนที่เป็นสมาชิกรัฐสภาญี่ปุ่นจากพรรคเสรีประชาธิปไตยของจังหวัดคูมาโมโตะ ซึ่งประกอบด้วย Mr. Sakamoto Tetsushi, Mr. Yasushi Kaneko, Mr. Yoshifumi Matsumura และ Mr. Baba Seishi ซึ่งเป็นสมาชิกสภาที่มีถิ่นกำเนิดจากจังหวัดคูมาโมโตะ รวมไปถึงประธานสภาจังหวัด สมาชิกสภาจังหวัดและรองผู้ว่าราชการจังหวัดคูมาโมโตะ
 
รมช.อวี๋ฯ กล่าวว่า เมื่อต้องเผชิญกับการแผ่ขยายอิทธิพลของอำนาจเผด็จการ ประกอบกับสถานการณ์ระหว่างประเทศที่ทวีความตึงเครียดมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่ผ่านมา จีนได้มีพฤติกรรมคุกคามกลุ่มประเทศในภูมิภาค อันส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในภูมิภาค รมช.อวี๋ฯ จึงใช้โอกาสนี้แสดงความขอบคุณต่อรัฐบาลญี่ปุ่นที่แสดงจุดยืนด้านความสำคัญของสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน บนเวทีนานาชาติที่สำคัญอยู่บ่อยครั้ง พร้อมหวังที่จะเห็นไต้หวัน – ญี่ปุ่น สร้างความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมรักษาไว้ซึ่งค่านิยมด้านประชาธิปไตยและเสรีภาพให้คงอยู่ต่อไป พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลญี่ปุ่นสนับสนุนให้ไต้หวันเข้าร่วมเป็นสมาชิกใน “องค์การอนามัยโลก” (WHO) และ “ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก” (CPTPP)
 
Mr. Sakamoto Tetsushi แสดงความขอบคุณต่อการต้อนรับอย่างอบอุ่นของกต.ไต้หวัน พร้อมกล่าวด้วยว่า ไต้หวัน – ญี่ปุ่นและจังหวัดคูมาโมโตะ ได้ประสานการติดต่อแลกเปลี่ยนระหว่างกันอย่างใกล้ชิดเสมอมา ทั้งในด้านการท่องเที่ยว เศรษฐกิจ การค้าและการศึกษา เป็นต้น โดยเฉพาะการที่บริษัท Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) ตัดสินใจลงทุนสร้างโรงงานในจังหวัดคูมาโมโตะ แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน - ญี่ปุ่น ที่ก้าวไปสู่อีกระดับหนึ่ง โดยในอนาคตหน่วยงานท้องถิ่นของจังหวัดคูมาโมโตะ จะให้ความช่วยเหลือแก่บริษัท TSMC ในขั้นตอนกระบวนการยื่นขออนุมัติจัดตั้งสถานประกอบการในพื้นที่อย่างเต็มกำลัง โดย Mr. Sakamoto เชื่อว่า ในอนาคต ความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนระหว่างไต้หวันและญี่ปุ่น จะเกิดความแนบแน่นมากยิ่งขึ้น
 
ในระหว่างการเยือนไต้หวันในครั้งนี้ คณะตัวแทนมีกำหนดการเข้าเยี่ยมพบนายไล่ชิงเต๋อ รองประธานาธิบดี สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) และไปเยือนสภานิติบัญญัติ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเศรษฐการ และกรมการบินพลเรือนด้วย