New Southbound Policy Portal

ปธน.ไช่อิงเหวินและรองปธน.ไล่ชิงเต๋อให้การต้อนรับประธานฝ่ายส่งเสริมเยาวชนของพรรคเสรีประชาธิปไตยแห่งญี่ปุ่นพร้อมคณะตัวแทนจากสภาผู้แทนราษฎร

ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 4 พ.ค. 66
 
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 4 พ.ค. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้การต้อนรับ Mr. SUZUKI Norikazu ประธานฝ่ายส่งเสริมเยาวชนของพรรคเสรีประชาธิปไตยแห่งญี่ปุ่น พร้อมด้วยคณะตัวแทนที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของญี่ปุ่น โดย“สัมพันธภาพอันดีระหว่างไต้หวนั - ญี่ปุ่น” ถือเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งซึ่งเกิดจากการแลกเปลี่ยนระหว่างสองประเทศในหลากหลายด้าน โดยปธน.ไช่ฯ คาดหวังที่จะเห็นไต้หวัน – ญี่ปุ่น เร่งประสานความร่วมมือกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อสรรค์สร้างผลสัมฤทธิ์ที่เพิ่มมากขึ้น บนพื้นฐานความสัมพันธ์อันดีระหว่างไต้หวัน - ญี่ปุ่นต่อไป ตลอดจนสร้างคุณประโยชน์ที่มากยิ่งขึ้นในด้านความมั่นคง เสรีภาพและความเจริญรุ่งเรืองให้แก่ประชาคมโลกสืบไป
 
หลายปีมานี้ ฝ่ายส่งเสริมเยาวชนของพรรคเสรีประชาธิปไตย มุ่งมั่นทำการแลกเปลี่ยนในด้านต่างๆ ระหว่างไต้หวัน - ญี่ปุ่น อย่างกระตือรือร้น อาทิ การจัดกิจกรรมโครงการเดินทางเยือนแลกเปลี่ยนระหว่างกลุ่มเยาวชนไต้หวัน - ญี่ปุ่น เพื่อส่งเสริมการปฏิสัมพันธ์ระหว่างเยาวชนรุ่นใหม่ โดยในไต้หวัน ได้มีการส่งเสริมให้ภาคเยาวชนให้ความสนใจต่อการเมือง พร้อมเข้าร่วมกิจกรรมสาธารณะอย่างเต็มที่ โดยเชื่อว่าการเข้ามีส่วนร่วมในแวดวงทางการเมืองของกลุ่มเยาวชน จะเป็นประเด็นการแลกเปลี่ยนในเชิงลึกระหว่าง 2 ประเทศต่อไป โดยเหล่าสมาชิกคณะตัวแทนล้วนเป็นกลุ่มเยาวชนที่มุ่งมั่นปฏิบัติภารกิจทางการเมืองอย่างแน่วแน่ ปธน.ไช่ฯ จึงคาดหวังที่จะเห็นคณะตัวแทนเดินทางมาเยือนไต้หวันบ่อยๆ เพื่อร่วมแบ่งปันประสบการณ์ระหว่างกัน
 
นอกจากการป้องกันโรคระบาดแล้ว ไต้หวัน – ญี่ปุ่นยังต้องเผชิญกับความท้าทายที่เกิดจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ อาทิ แผ่นดินไหวและความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศ นับตั้งแต่ปี 2019 ที่ญี่ปุ่นเข้าเป็นหนึ่งในสมาชิกของกรอบความร่วมมือ Global Cooperation and Training Framework (GCTF) ที่ร่วมจัดตั้งขึ้นโดยไต้หวัน - สหรัฐฯ ทั้งไต้หวันและญี่ปุ่นต่างก็มีโอกาสในการแลกเปลี่ยนประสบการณ์แนวทางการป้องกันภัยพิบัติระหว่างกันบ่อยครั้งมากขึ้น การร่วมเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ได้ส่งผลให้กลไกการป้องกันและการกู้ภัย มีความรัดกุมและเปี่ยมประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการยกระดับความยืดหยุ่นของสังคมแบบทวิภาคีอีกด้วย
 
ปธน.ไช่ฯ เห็นว่า ไต้หวัน – ญี่ปุ่น เป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจและการค้าที่สำคัญระหว่างกัน จึงได้ใช้โอกาสนี้เรียกร้องให้เหล่าสมาชิกตัวแทน ให้การสนับสนุนไต้หวันเข้าร่วมองค์การระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมให้ทั้งสองฝ่ายร่วมมุ่งมั่นสร้างคุณประโยชน์ด้านความมั่นคง เสรีภาพและความเจริญรุ่งเรืองให้เกิดแก่ประชาคมโลกต่อไป
 
Mr. SUZUKI กล่าวว่า สงครามรัสเซีย – ยูเครนมีแนวโน้มที่จะพัฒนาไปสู่ความเป็นสงครามระยะยาว ส่งผลให้สถานการณ์ระหว่างประเทศเกิดความตึงเครียดอย่างต่อเนื่อง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับหลักประกันด้านความมั่นคง ก็ยิ่งได้รับการให้ความสำคัญเพิ่มมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงประเด็นปัญหาความมั่นคงในช่องแคบไต้หวัน สันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคอินโด - แปซิฟิก ซึ่งนอกจากจะมีส่วนเกี่ยวเนื่องกับผลประโยชน์ระดับประเทศของญี่ปุ่นแล้ว ยังมีส่วนเกี่ยวพันกับผลประโยชน์ของไต้หวันอีกด้วย จึงถือได้ว่าเป็นประเด็นสำคัญสำหรับทั้งสองฝ่าย
 
Mr. SUZUKI แสดงทรรศนะว่า พวกเราต้องยืนหยัดในระบอบประชาธิปไตยและหลักนิติธรรม ปฏิเสธการเปลี่ยนแปลงสถานภาพเดิมในปัจจุบันด้วยกำลังอาวุธ ไต้หวัน – ญี่ปุ่นจำเป็นต้องประสานความร่วมมือกัน เพื่อประกาศให้ประชาคมโลกร่วมรับรู้ การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลกทั้ง 7 ประเทศ หรือกลุ่ม G7 ที่ญี่ปุ่นเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว เน้นย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของการธำรงรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน นับเป็นประเด็นการทูตที่ญี่ปุ่นต้องมุ่งมั่นดำเนินการอย่างเต็มที่
 
Mr. SUZUKI ย้ำว่า เพื่อรักษาเสถียรภาพ เศรษฐกิจและการพัฒนาในภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก รัฐบาลญี่ปุ่นต่างยินดีที่จะเห็นไต้หวันเข้าร่วมเป็นสมาชิกของ “ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก” (CPTPP)
 
Mr. SUZUKI กล่าวอีกว่า การประชุมสมัชชาอนามัยโลก (WHA) ในปี 2023 เตรียมเปิดฉากขึ้นในเดือนนี้ โดยไต้หวันมีประสบการณ์และมีความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านการป้องกันโรคระบาด ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ที่ผ่านมา เชื่อว่า จะสามารถแบ่งปันข้อมูลเพื่อเป็นประโยชน์แก่ประชาคมโลกนำไปใช้อ้างอิงได้ โดยรัฐบาลญี่ปุ่นก็ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในพลังการสนับสนุนไต้หวันเข้าร่วมการประชุม WHA ในฐานะผู้สังเกตการณ์
 
โดยในช่วงเที่ยงของวันเดียวกันนั้น นายไล่ชิงเต๋อ รองประธานาธิบดี สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้จัดเลี้ยงอาหารเที่ยงต้อนรับคณะตัวแทนที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรญี่ปุ่นซึ่งมี Mr. SUZUKI เป็นหัวหน้าคณะ
 
รองปธน.ไล่ฯ ชี้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน – ญี่ปุ่นดำเนินไปในเชิงลึกและแน่นแฟ้น ซึ่งสังเกตได้อย่างชัดเจนจากหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการที่ต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น พายุไต้ฝุ่นและแผ่นดินไหว ซึ่งทั้งสองประเทศต่างให้ความช่วยเหลือแก่กันท่ามกลางสถานการณ์ที่ยากลำบาก และเป็นการเสริมสร้างมิตรภาพระหว่างกันให้เกิดความแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น แม้ว่าทั้งสองฝ่ายจะเป็นเพียงประเทศเพื่อนบ้านกัน แต่กลับมีความรู้สึกเสมือนญาติมิตรที่หวังดีและคอยช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน เปรียบเสมือนคำคมที่กล่าวว่า เราจะพบมิตรแท้ได้ในยามยาก
 
รองปธน.ไล่ฯ ยังได้แสดงความขอบคุณต่อรัฐบาลญี่ปุ่นที่ร่วมบริจาควัคซีนป้องกันโรคระบาด จำนวนกว่า 4 ล้านโดสให้แก่ไต้หวัน ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด – 19 ที่รุนแรงเมื่อช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างภาคประชาชนระหว่างสองประเทศก็เป็นไปอย่างแนบแน่น ก่อนเกิดสถานการณ์โรคโควิด – 19 ยอดนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปมาหาสู่ระหว่างกันมีจำนวนรวมกว่า 7 ล้านคนครั้ง โดยทั้งสองประเทศยังเป็นหุ้นส่วนทางการค้าที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของกันและกัน โดยเมื่อปีที่แล้ว มูลค่าการค้าแบบทวิภาคีได้ทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 88,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ นอกจากนี้ บริษัท Taiwan Semiconductor Manufacturing Company (TSMC) ยังได้ตัดสินใจลงทุนสร้างโรงงานในจังหวัดคูมาโมโตะ เชื่อว่าจะเป็นพัฒนาไปสู่การขับเคลื่อนกลไกความร่วมมือระหว่างไต้หวัน - ญี่ปุ่นให้เป็นไปในทิศทางเชิงลึกยิ่งขึ้น
 
รองปธน.ไล่ฯ เผยว่า คณะตัวแทนจากฝ่ายส่งเสริมเยาวชนของพรรคเสรีประชาธิปไตยญี่ปุ่น ล้วนเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ แสดงให้เห็นถึงความหวังในแวดวงทางการเมืองของญี่ปุ่น รองปธน.ไล่ฯ จึงหวังที่จะเห็นความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่ายเป็นไปในทิศทางเชิงลึกอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะในด้านเศรษฐกิจ หรือการธำรงรักษาสันติภาพในภูมิภาคอินโด - แปซิฟิก โดยพวกเราจะมุ่งประสานความร่วมมือระหว่างกันอย่างเหนียวแน่นต่อไป