New Southbound Policy Portal
กรมสารนิเทศระหว่างประเทศ วันที่ 9 พ.ค.66
นายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการประทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้สัมภาษณ์แก่ Wandrille Lanos ผู้กำกับภาพยนตร์สารคดีของสถานีโทรทัศน์ France TV เมื่อวันที่ 15 ก.ค.ปีที่แล้ว (2565) โดยบทสัมภาษณ์ดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของภาพยนต์สารคดีเรื่อง Taïwan: nation interdite ที่เพิ่งถูกแพร่ภาพออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ France 5 ซึ่งเป็นสถานีโทรทัศน์ในเครือของ France TV เมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา ภาพยนตร์สารคดีดังกล่าวมีความยาว 70 กว่านาที เป็นการวิเคราะห์ประเด็นที่เกี่ยวกับสถานภาพของไต้หวันในประชาคมโลกที่คล้ายคลึงกับยูเครนและสถานการณ์ในช่องแคบไต้หวันที่ส่งผลกระทบต่อทั่วโลก ซึ่งได้รับความสนใจและผลตอบรับที่ดีเป็นวงกว้างจากทุกวงการในฝรั่งเศส
รมว.อู๋ฯ เปิดเผยว่า แม้ไต้หวันไม่ใช่สมาชิกขององค์การสหประชาชาติ แต่ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของประชาคมโลก ไต้หวันได้พยายามแสดงความรับผิดชอบอย่างเต็มที่ โดยยึดสปิริตเรื่องการให้ความช่วยเหลือผู้อื่นจะทำให้ตนได้รับประโยชน์ด้วย ดังนั้นในช่วงที่เกิดการระบาดของโควิด- 19 ไต้หวันได้พยายามให้ความช่วยเหลือแก่ประชาคมโลกด้วยการส่งมอบหน้ากากอนามัยและเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ โดยหวังว่าประชาคมโลกจะได้รับรู้ว่าไต้หวันมีศักยภาพและมีเจตจำนงที่จะอุทิศคุณประโยชน์ทางการแพทย์และสาธารณสุขให้แก่โลก
สำหรับบทเรียนที่ไต้หวันได้รับจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน รมว.อู๋ฯ ย้ำว่า การที่ประชาชนชาวยูเครนพลีชีพในสงครามเพื่อให้ประเทศยังคงอยู่ต่อไป ยิ่งทำให้ชาวไต้หวันมีความแน่วแน่ในอันที่จะปกป้องชาติบ้านเมืองของตน สำหรับการเผชิญกับความเป็นไปได้ที่อาจจะถูกจีนรุกราน ไต้หวันได้เตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ในการป้องกันตนเองไว้แล้ว เราต้องการสื่อความหมายว่า ไต้หวันกับประเทศอื่นที่เป็นพันธมิตรของเครือข่ายประชาธิปไตยจะร่วมกันปกป้องคุณค่าด้านเสรีภาพและประชาธิปไตย หากจีนโจมตีไต้หวันก็เสมือนกับเป็นการโจมตีค่านิยมพื้นฐานที่มีร่วมกันของพวกเรา
นอกจากนี้ รมว.อู๋ยังกล่าวว่า การผลิตชิฟในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์โลก ร้อยละ 60 เป็นการผลิตในไต้หวัน ในจำนวนนี้มากกว่าร้อยละ 90 เป็นชิฟที่ผลิตโดยเทคโนโลยีขั้นสูงสุด หากเกิดสงครามในช่องแคบไต้หวัน ผลกระทบที่มีต่อเศรษฐกิจโลกจะรุนแรงกว่าสงครามรัสเซีย-ยูเครน
แม้ไต้หวันกับฝรั่งเศสจะมีระยะทางที่ห่างไกลกันมากแต่การติดต่อและแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศเป็นไปอย่างใกล้ชิด ประชาชนชาวฝรั่งเศสน่าจะเข้าใจดีว่าหากเกิดสงครามในช่องแคบไต้หวัน ฝรั่งเศสก็จะได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม ที่ผ่านมาสมาชิกวุฒิสภาและสมัชชาแห่งชาติฝรั่งเศสมีการจัดคณะเดินทางมาเยือนไต้หวันบ่อยครั้ง และเมื่อเดือน ก.ค.2565 นายหยิวสีคุน ประธานสภานิติบัญญัติไต้หวันก็ได้นำคณะเดินทางไปเยือนฝรั่งเศสเช่นกัน จะเห็นได้ว่าการติดต่อแลกเปลี่ยนระหว่างสองประเทศทวีความแนบแน่นขึ้นเป็นลำดับ คาดเป็นอย่างยิ่งว่าภายใต้พื้นฐานดังกล่าวนี้จะมีการเสริมสร้างความร่วมมือระดับทวิภาคีและการไปมาหาสู่กันให้มากยิ่งขึ้น