New Southbound Policy Portal
ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 12 - 14 ส.ค. 66
เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 12 ส.ค. ที่ผ่านมา นายไล่ชิงเต๋อ รองประธานาธิบดี สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ออกเดินทางเยือนสาธารณรัฐปารากวัย เพื่อเข้าร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของ H.E. Santiago Peña Palacios ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐปารากวัย คนล่าสุด โดยก่อนออกเดินทาง รองปธน.ไล่ฯ ได้กล่าวสุนทรพจน์ ณ ท่าอากาศยานนานาชาติเถาหยวน โดยชี้ว่า การเดินทางในครั้งนี้ ตนจะทำหน้าที่เป็นตัวแทนภาครัฐและภาคประชาชนชาวไต้หวัน ในการส่งมอบคำอวยพรให้แก่ปารากวัยด้วยความจริงใจ และจะสื่อให้เห็นถึงการให้ความสำคัญต่อมิตรภาพระหว่าง 2 ประเทศ ควบคู่ไปกับการแสวงหาโอกาสความร่วมมือแบบทวิภาคีระหว่างสองฝ่าย นอกจากนี้ รองปธน.ไล่ฯ ยังจะใช้โอกาสนี้ร่วมแลกเปลี่ยนกับบรรดาผู้นำของนานาประเทศ เพื่อทำให้ประชาคมโลกตระหนักว่า ไต้หวันเป็นประเทศที่ยึดมั่นในประชาธิปไตย เสรีภาพและสิทธิมนุษยชน อย่างหนักแน่นและกระตือรือร้น
รองปธน.ไล่ฯ กล่าวระหว่างปราศรัยว่า ในฐานะที่ตนเป็นทูตพิเศษซึ่งได้รับมอบหมายจากประธานาธิบดีไช่อิงเหวินให้เดินทางเยือนปารากวัย ซึ่งเป็นประเทศพันธมิตรของไต้หวันที่ตั้งอยู่ในทวีปอเมริกาใต้ และเป็นประเทศที่มุ่งสร้างความสัมพันธ์อันดีกับไต้หวันมาเป็นระยะเวลา 66 ปี โดยการเดินทางในครั้งนี้ มีจุดประสงค์เพื่อเข้าร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของ H.E. Santiago Peña Palacios และ H.E. Pedro Alliana ประธานธิบดีและรองประธานาธิบดีคนล่าสุดของปารากวัย เพื่อส่งมอบคำอวยพรจากประชาชนไต้หวันไปสู่ประเทศพันธมิตรของไต้หวันด้วยความจริงใจ
ปธน.ไช่ฯ ได้กำชับให้คณะตัวแทนบรรลุเป้าหมาย 2 ประการในการเดินทางครั้งนี้ ได้แก่ “เสริมสร้างมิตรภาพเชิงลึกระหว่างไต้หวัน - ปารากวัย” และ “ขยายความร่วมมือระหว่างไต้หวัน - ปารากวัย” เพื่อส่งเสริมการพัฒนาประเทศให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันสืบต่อไป
โดยในระหว่างการเยือนครั้งนี้ นอกจากคณะตัวแทนจะเข้าร่วมพิธีสาบานตนของผู้นำปารากวัยแล้ว รองปธน.ไล่ฯ ยังมีกำหนดการจะเข้าร่วมพิธีกรรมทางศาสนา งานเลี้ยงต้อนรับที่จัดโดยปธน. Peña และกิจกรรมเฉลิมฉลองเนื่องในวาระครบรอบ 486 ปีของการก่อตั้งกรุงอาซุนซิออน ตลอดจนเข้าพบปะพูดคุยกับ H.E. Mario Abdo Benítez ประธานาธิบดีปารากวัยคนปัจจุบัน และปธน. Peña ผู้นำคนล่าสุด ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้มิตรภาพระหว่าง 2 ประเทศให้ดำเนินไปในทิศทางเชิงลึกต่อไป
รองปธน.ระบุว่า ไต้หวัน – ปารากวัยมุ่งผลักดันโครงการความร่วมมือระหว่างกันมากมายตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา ซึ่งนอกจากจะบังเกิดผลสัมฤทธิ์จำนวนมากแล้ว ยังได้รับการยอมรับจากทุกแวดวงในปารากวัย การมาเยือนในครั้งนี้ รองปธน.ไล่ฯ คาดหวังที่จะร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับรัฐบาลภายใต้การนำของปธน. Peña ในด้านการศึกษา การแพทย์และการประกอบอาชีพ เพื่อขจัดความเหลื่อมล้ำทางสังคม โดยในส่วนนี้ ไต้หวันเปี่ยมด้วยประสบการณ์ที่สามารถร่วมแบ่งปันและเสริมสร้างความร่วมมือกับปารากวัยต่อไปในอนาคต
ในช่วงท้าย รองปธน.ไล่ฯ กล่าวว่า คณะตัวแทนจะเดินทางมุ่งหน้าสู่ปารากวัย โดยระหว่างทางจะแวะเยือนนครนิวยอร์กในสหรัฐฯ ซึ่งคณะตัวแทนได้เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติจอห์น เอฟ. เคนเนดี (JFK) เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 12 ส.ค. ตามเวลาในเขตพื้นที่สหรัฐฯ โดยมีนางเซียวเหม่ยฉิน ผู้แทนรัฐบาลไต้หวันประจำสหรัฐฯ และ Ms. Ingrid Larson ประธานคณะกรรมการบริหารสถาบันอเมริกาในไต้หวันแห่งกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เดินทางมาให้การต้อนรับถึงบนอากาศยาน
ในช่วงเที่ยงของวันที่ 13 ส.ค. ตามเวลาในพื้นที่นครนิวยอร์ก คณะตัวแทนทูตพิเศษไต้หวันได้เข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวันที่จัดโดยบุคคลสำคัญในแวดวงต่างๆ และกลุ่มชาวจีนโพ้นทะเลที่พำนักอยู่ในสหรัฐฯ โดยรองปธน.ไล่ฯ ย้ำว่า แม้ว่าอำนาจเผด็จการของจีนจะสร้างภัยคุกคามต่อไต้หวันอย่างหนักหนาสาหัสพียงใด แต่พวกเราจะไม่หวั่นเกรง ไม่ยอมจำนน โดยจะยืนหยัดในค่านิยมด้านประชาธิปไตยและเสรีภาพอย่างหนักแน่น พร้อมทั้งจะร่วมแบ่งปันแนวคิดด้านประชาธิปไตยของไต้หวัน เพื่อเป็นประภาคารด้านการแสวงหาค่านิยมด้านประชาธิปไตย เสรีภาพและสิทธิมนุษยชนในภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก ตลอดจนเข้ามีส่วนร่วมในกลุ่มประเทศประชาธิปไตยของโลกอย่างกระตือรือร้น เพื่อทำหน้าที่ในการกระตุ้นสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคอย่างอาจหาญ
รองปธน.ไล่ฯ แถลงว่า ในอนาคต ตนจะยึดมั่นใน 4 หลักการของปธน.ไช่ฯ อย่างหนักแน่นต่อไป ประกอบด้วย (1) ยืนหยัดในระบอบรัฐธรรมนูญที่เปี่ยมด้วยเสรีภาพและประชาธิปไตย (2) ยืนหยัดในข้อเท็จจริงที่ว่าสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) และสาธารณรัฐประชาชนจีน มิได้เป็นส่วนหนึ่งซึ่งกันและกัน (3) ยืนหยัดในการปกป้องอำนาจอธิปไตย มิให้ผู้ใดเข้ารุกรานหรือครอบครองได้ และ (4) ยืนหยัดในเสรีภาพของประชาชนชาวไต้หวัน ที่มีสิทธิในการกำหนดอนาคตของสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ด้วยตนเอง
รองปธน.ไล่ฯ เน้นย้ำว่า แม้ว่าสถานการณ์ระหว่างประเทศจะเต็มไปด้วยความผกผัน แต่เราจะยังคงยึดมั่นโดยใช้สันติภาพเป็นประภาคาร ยึดประชาธิปไตยเป็นเข็มทิศนำทาง เพื่อมุ่งบรรลุ “หลักการแห่งสันติภาพ 4 ประการ” ประกอบด้วย (1) ยกระดับแสนยานุภาพด้านการป้องกันประเทศด้วยการพึ่งพาตนเอง (2) สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ (3) สร้างความเชื่อมโยงกับกลุ่มประเทศประชาธิปไตย และ (4) เปิดการเจรจาทางความร่วมมือระหว่างสองฝั่งช่องแคบไต้หวัน ภายใต้หลักการที่ให้เกียรติซึ่งกันและกัน โดยหลักการดังกล่าวนี้ ถือเป็นสาระสำคัญของแผนปฏิบัติการด้านการธำรงรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคอินโด - แปซิฟิก
รองปธน.ไช่ฯ เผยว่า นครนิวยอร์กเป็นเมืองที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ ไต้หวันก็ต้องอาศัยนโยบายที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรมและความก้าวหน้า ผลักดันให้ไต้หวันมีพัฒนาการที่รุดหน้า ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้ไต้หวันกลายเป็นไต้หวันของประชาคมโลกต่อไป