New Southbound Policy Portal

รมว.กต.ไต้หวันให้สัมภาษณ์แก่ผู้สื่อข่าวนสพ.NZZ เน้นย้ำ หากไม่หยุดยั้งอำนาจเผด็จการ อำนาจเผด็จการก็จะเข้ามากล้ำกรายในที่สุด

กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 22 ส.ค. 66
 
เมื่อวันที่ 11 ส.ค. ที่ผานมา นายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้สัมภาษณ์แก่ Mr. Patrick Zollผู้ สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ Neue Zürcher Zeitung (NZZ) ของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ที่ประจำการอยู่ในไต้หวัน โดยเนื้อหาบทสัมภาษณ์ได้ถูกเผยแพร่ผ่านข่าวต่างประเทศบนหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ในวันที่ 21 ส.ค. ที่ผ่านมา ภายใต้หัวข้อ “หากไม่หยุดยั้งอำนาจเผด็จการ อำนาจเผด็จการก็จะเข้ามากล้ำกรายในที่สุด” (Wenn wir den Autoritarismus nicht stoppen, wird er zu uns kommen) ซึ่งได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางจากทุกแวดวงในยุโรป
 
รมว.อู๋ฯ กล่าวขณะให้สัมภาษณ์ว่า ความว่องไวในการพัฒนากองทัพและเจตนารมณ์ของจีน ได้สร้างความวิตกกังวลให้แก่ภาคประชาชนชาวไต้หวันและนานาประเทศที่ให้ความสำคัญต่อสันติภาพในภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก โดยจีนได้จัดส่งเครื่องบินรบและเรือรบรุกล้ำเข้าสู่เขตแสดงตนเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศ (ADIZ) ของไต้หวันอยู่บ่อยครั้ง หรือแม้กระทั่งข้ามเส้นแบ่งเขตกึ่งกลางช่องแคบไต้หวัน พร้อมทั้งกล่าวอ้างว่า ช่องแคบไต้หวันมิใช่น่านน้ำสากลและปัญหาของไต้หวันเป็นปัญหาภายในของจีน ทั้งนี้ เพื่อต้องการที่จะยัดเยียดให้ไต้หวันยอมรับ “หลักการ 1 ประเทศ 2 ระบบ”  โดยจีนยังได้ประกาศจุดยืนอย่างชัดเจนว่า จะไม่ล้มเลิกแนวทางการใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ในการเข้าครอบครองไต้หวัน
 
รมว.อู๋ฯ เน้นย้ำว่า ความทะเยอทะยานในการแผ่ขยายอำนาจเผด็จการ มิได้จำกัดเพียงเฉพาะในไต้หวันเท่านั้น แต่ยังสามารถพบเห็นร่องรอยการแผ่ขยายอิทธิพลไปสู่พื้นที่ทะเลจีนตะวันออก ทะเลจีนใต้และพื้นที่แถบมหาสมุทรแปซิฟิก ยกกรณีตัวอย่างเช่น เรือรบจีนมักจะปรากฎตัวในพื้นที่เกาะที่ตั้งอยู่ทิศตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่น ซึ่งสร้างความตึงเครียดให้แก่ญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก หลายปีมานี้ ทะเลจีนใต้และฟิลิปปินส์ ก็เกิดความขัดแย้งขึ้นเป็นประจำ นอกจากนี้ ในปีที่แล้ว จีน - หมู่เกาะโซโลมอนก็ได้ร่วมลงนามข้อตกลงทางความร่วมมือด้านความมั่นคง ซึ่งส่งผลให้ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ตระหนักถึงวิกฤตที่นับวันยิ่งใกล้เข้ามา โดยไต้หวันเป็นประเทศประชาธิปไตยที่ตั้งอยู่แนวหน้าสุดในการเผชิญหน้าและสกัดกั้นอำนาจเผด็จการของจีน
 
รมว.อู๋ฯ ชี้แจงว่า เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทุของสงคราม ไต้หวันมีหน้าที่บริหารความสัมพันธ์สองฝั่งช่องแคบไต้หวันอย่างระมัดระวัง ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างศักยภาพการปกป้องประเทศด้วยการพึ่งพาตนเองอย่างกระตือรือร้น ผลักดันการปฏิรูปทางกลาโหม อัดฉีดงบประมาณกลาโหม และเสริมสร้างการฝึกอบรมทางทหาร รวมไปถึงการมุ่งแสวงหาพลังสนับสนุนจากประชาคมโลก ทั้งนี้ เพื่อให้รัฐบาลจีนตระหนักว่า การเข้าครอบครองไต้หวันมิใช่เรื่องง่าย และหากจีนต้องการโจมตีไต้หวัน จะต้องประสบกับอุปสรรคครั้งใหญ่และพบกับความสูญเสียที่คาดไม่ถึง รมว.อู๋ฯ กล่าวว่า พวกเราเชื่อว่ารัฐบาลจีนตระหนักดีว่า หากก่อสงครามกับไต้หวัน จะนำมาซึ่งผลกระทบครั้งใหญ่ต่อจีนเอง เพราะฉะนั้น รัฐบาลไต้หวันจึงเห็นว่า สงครามช่องแคบไต้หวันมิสามารถเกิดขึ้นได้ในชั่วพริบตา และมิใช่ว่าจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
 
ต่อกรณีที่จีนอาจคว่ำบาตรไต้หวันนั้น รมว.อู๋ฯ แถลงว่า หากจีนคว่ำบาตรไต้หวันจริง จะถือเป็นพฤติกรรมการก่อสงครามในเชิงกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งจะก่อให้เกิดปฏิกริยาตอบสนองที่รุนแรงจากประชาคมโลก เนื่องจากสันติภาพและเสถียรภาพของไต้หวัน มีความเกี่ยวพันโดยตรงกับความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองระดับโลก ทั้งนี้ เป็นผลอันเนื่องมาจากแผ่นชิปในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ที่ผลิตโดยไต้หวัน ครองส่วนแบ่งตลาดทั่วโลกกว่าร้อยละ 60 และและอุปทานของแผ่นชิปที่ผลิตในไต้หวันด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง มีมากกว่าร้อยละ 90 ประกอบกับปริมาณการขนส่งสินค้าผ่านช่องแคบไต้หวัน ครองสัดส่วนกว่าร้อยละ 50 ของโลก จึงจะเห็นได้ว่า การคว่ำบาตรไต้หวัน จะนำมาซึ่งหายนะทางเศรษฐกิจระดับโลก ซึ่งจะส่งผลกระทบที่รุนแรงกว่าสงครามรัสเซีย - ยูเครน
 
เมื่อระบุถึงบทบาทของไต้หวันในระบบห่วงโซ่อุปทานระดับสากล รมว.อู๋ฯ ระบุว่า อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของไต้หวันตั้งอยู่ในตำแหน่งที่สำคัญด้านการวิจัย พัฒนาและตอบสนองต่ออุปสงค์ของโลก เป็นการกลั่นกรองที่ผ่านการตกผลึกมาแล้วกว่า 40 ปี เปี่ยมด้วยประสบการณ์ที่ครอบคลุมและไม่ง่ายที่จะลอกเลียนแบบ ด้วยเหตุนี้ เราจึงไม่กังวลว่า ศักยภาพทางการแข่งขันของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของไต้หวัน จะเสื่อมคลายลง หรือถูกลดบทบาทที่สำคัญในระบบห่วงโซ่อุปทานโลก รมว.อู๋ฯ แสดงทรรศนะต่อกรณีที่จีนมุ่งมั่นวิจัยพัฒนาอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในระยะนี้ พร้อมระบุว่า รัฐบาลได้ตระหนักถึงปัญหาที่อาจเกิดขึ้น และจัดตั้งกลไกการป้องกันการดูดซับเทคโนโลยีขั้นสูงของไต้หวันอย่างรัดกุม หากไม่สามารถจับทางเทคโนโลยีล้ำสมัยในด้านเซมิคอนดักเตอร์ได้ จีนก็ไม่สามารถเอาชนะไต้หวัน ญี่ปุ่นและสหรัฐฯ ในเรื่องการครองตำแหน่งสำคัญในระบบอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงนี้ได้
 
รมว.อู๋ฯ ยังกล่าวขณะตอบสัมภาษณ์ว่า สงครามที่เกิดขึ้นในยูเครนเป็นโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่ากลุ่มประเทศประชาธิปไตยได้รับการรุกรานจากประเทศเผด็จการอย่างไม่ได้รับการปราณี ด้วยเหตุนี้ หากกลุ่มประเทศประชาธิปไตยไม่ประสานความร่วมมือสกัดกั้นการแผ่ขยายอิทธิพลของอำนาจเผด็จการ อำนาจเผด็จการก็จะเข้ามากล้ำกรายพวกเราในที่สุด ในขณะเดียวกัน ประชาคมโลกควรให้การสนับสนุนไต้หวันและผนึกกำลังความสามัคคีในเชิงลึก เพื่อสกัดกั้นการแผ่ขยายอิทธิพลของอำนาจเผด็จการ หยุดยั้งความทะเยอทะยานของจีนในการแผ่ขยายอิทธิพล และทำลายสันติภาพและเสถียรภาพในพื้นที่ทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนใต้