New Southbound Policy Portal
กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 13 ธ.ค. 66
เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา นายอู๋เจาเซี่ย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้สัมภาษณ์แก่ Mr. Thomas Manch ผู้สื่อข่าวด้านการเมืองและการต่างประเทศระดับอาวุโสของหนังสือพิมพ์ The Post แห่งนิวซีแลนด์ โดยเนื้อหาบทสัมภาษณ์ได้รับการเผยแพร่ผ่านการตีพิมพ์เป็นบทความบนหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์ในหัวข้อ “ไต้หวันคาดหวังให้นิวซีแลนด์ให้การสนับสนุนไต้หวันเข้าร่วม CPTPP” (Taiwan wants New Zealand's support in contentious trade bid) เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. ที่ผ่านมา
รมว.อู๋ฯ กล่าวในระหว่างการให้สัมภาษณ์ว่า “ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก” (Comprehensive and Progressive Agreement of Trans-Pacific Partnership, CPTPP) เป็นความตกลงทางการค้าในระดับภูมิภาคที่มีมาตรฐานสูง โดยขณะนี้ ไต้หวันได้ทำการแก้ไขร่างกฎหมายเพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการเข้ามีส่วนร่วม และได้มีการเตรียมความพร้อมอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ จึงคาดหวังที่จะให้รัฐบาลนิวซีแลนด์ตระหนักถึงความสำคัญของแผนผลักดันการเข้าร่วมของไต้หวัน
รมว.อู๋ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า จีนก็คาดหวังที่จะเข้าร่วมกรอบความตกลงทางการค้า CPTPP เพื่อเข้าทดแทนที่ว่างใน “ข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก” (TPP) ที่สหรัฐฯ ถอนตัวออกไปในปี 2560 แต่เนื่องจากเงื่อนไขการพิจารณาให้เข้าเป็นสมาชิก CPTPP มุ่งเน้นความสำคัญไปที่คุณสมบัติของประเทศที่ยื่นขออนุมัติ ว่าสอดคล้องกับมาตรฐานระดับสูงของความตกลงหรือไม่ โดยขั้นตอนการยื่นขอเข้าร่วมเป็นสมาชิกของประเทศอื่นไม่ควรได้รับการแทรกแซงจากจีน รมว.อู๋ฯ เน้นย้ำว่า CPTPP ไม่ใช่เครื่องมือเพื่อใช้ตอบสนองความทะเยอทะยานทางการเมืองและยุทธศาสตร์ของประเทศลัทธิอำนาจนิยม
บทความข้างต้นยังระบุอีกว่า ไต้หวัน – นิวซีแลนด์ได้ร่วมลงนามความตกลงการค้าเสรีระหว่างกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วเพื่อมุ่งเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าแบบทวิภาคีในเชิงลึก โดยในระหว่างการประชุมรัฐมนตรี CPTPP ที่จัดขึ้นในนิวซีแลนด์เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา Mr. Todd McClay รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าของนิวซีแลนด์ได้เน้นย้ำว่า นิวซีแลนด์จะมุ่งจัดตั้งระบบที่ดียิ่งขึ้น เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ประเทศที่ยื่นขออนุมัติในการเข้าร่วม CPTPP
นอกจากนี้ รมว.อู๋ฯ ยังระบุว่า ใกล้จะถึงวันเลือกตั้งทั่วไปของไต้หวันแล้ว ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาจีนได้จัดการฝึกซ้อมทางทหารอย่างต่อเนื่อง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งผลกระทบต่อการเลือกตั้งในไต้หวัน แต่แม้จีนจะข่มขู่ทางการทหารหรือการสร้างแรงกดดันทางเศรษฐกิจต่อไต้หวัน ประชาชนชาวไต้หวันก็ยังคงใช้ชีวิตตามปกติ อย่างไรก็ตาม เพื่อรับมือกับความเป็นไปได้ที่จีนจะเข้ารุกรานไต้หวันด้วยกำลังทหาร ไต้หวันจึงจำเป็นต้องเสริมสร้างแสนยานุภาพด้านการป้องกันประเทศด้วยการพึ่งพาตนเอง ควบคู่ไปกับการพัฒนายุทธวิธีสงครามไร้สมมาตร โดยรมว.อู๋ฯ ยังได้เรียกร้องให้กลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกันร่วมเป็นกระบอกเสียงให้ไต้หวันอย่างต่อเนื่อง เพื่อสกัดกั้นการเข้ารุกรานไต้หวันจากจีนอย่างมีประสิทธิภาพ
ในระหว่างการสัมภาษณ์ รมว.อู๋ฯ ยังได้ร่วมแสดงความยินดีกับคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของนิวซีแลนด์ พร้อมทั้งเน้นย้ำว่า แม้ไต้หวัน - นิวซีแลนด์จะไม่มีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการระหว่างกัน แต่ควรมุ่งเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีอย่างเป็นรูปธรรมระหว่างกันให้เกิดความแนบแน่นมากยิ่งขึ้น