New Southbound Policy Portal

รองปธน.ไล่ชิงเต๋อ ให้การต้อนรับ รมว. ต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศของเอสวาตินี

ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 1 ก.พ. 67
 
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 1 ก.พ. ที่ผ่านมา นายไล่ชิงเต๋อ รองประธานาธิบดี สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้การต้อนรับ Ms. Pholile Shakantu รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งราชอาณาจักรเอสวาตินี โดยรองปธน.ไล่ฯ ได้แสดงความขอบคุณต่อเอสวาตินีที่ได้ให้การสนับสนุนไต้หวันในเวทีนานาชาติอย่างเต็มที่เสมอมา นอกจากทั้งสองประเทศจะเป็นพันธมิตรซึ่งมีความร่วมมือที่ดีต่อกันแล้ว ยังมีความสัมพันธ์ดุจญาติสนิทในครอบครัวเดียวกันด้วย พร้อมนี้ รองปธน.ไล่ฯ ยังชี้ว่า ในอนาคตจะรักษามิตรภาพระหว่างสองประเทศให้เป็นไปอย่างแนบแน่นมากยิ่งขึ้น โดยหวังที่จะผลักดันความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนแบบทวิภาคีมุ่งไปสู่ในทิศทางเชิงลึก ภายใต้ความมุ่งมั่นพยายามร่วมกันของทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้ เพื่อสร้างสวัสดิการและความผาสุกให้เกิดแก่ภาคประชาชนของ 2 ประเทศสืบต่อไป
 
ในช่วงแรก รองปธน.ไล่ฯ ได้ทักทายรมว. Pholile สำหรับการนำคณะตัวแทนเดินทางเยือนไต้หวันเป็นครั้งแรก ประกอบกับในปี 2566 เป็นวาระครบรอบ 55 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไต้หวัน - เอสวาตินี ซึ่งประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน ได้เดินทางเยือนเอสวาตินี เพื่อเข้าร่วมงานเฉลิมฉลองเนื่องในวาระข้างต้น เมื่อเดือนก.ย. ปี 2566 โดย รมว. Pholile นับเป็นเจ้าหน้าที่ระดับรัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของเอสวาตินีคนแรกที่เดินทางเยือนไต้หวัน ภายหลังการจัดตั้งรัฐบาลเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา จึงเปี่ยมด้วยนัยยะเชิงบวกในความสัมพันธ์แบบทวิภาคีระหว่างสองฝ่ายเป็นอย่างยิ่ง
 
รองปธน.ไล่ฯ ชี้อีกว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ไต้หวันพยายามรักษาความสัมพันธ์ทางความร่วมมืออันดีกับเอสวาตินีอย่างจริงใจ รองปธน.ไล่ฯ จึงได้ให้ความสำคัญต่อการเดินทางเยือนในครั้งนี้ของรมว. Pholile เป็นอย่างมาก หวังว่าการเดินทางเยือนในครั้งนี้ จะช่วยสร้างความเข้าใจให้แก่คณะตัวแทน ในด้านพหุวัฒนธรรมของสังคมไต้หวัน และขนบธรรมเนียมประเพณีของไต้หวัน ตลอดจนได้มีโอกาสสัมผัสกับไมตรีจิตและพลังแห่งความสดใสของประชาชนชาวไต้หวัน
 
รองปธน.ไล่ฯ กล่าวด้วยว่า ไต้หวัน – เอสวาตินีได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันมานับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2511 ตราบจนปัจจุบันล่วงเลยมาเป็นระยะเวลากว่า 55 ปีแล้ว มิตรภาพอันยาวนานเกินครึ่งศตวรรษ เป็นบทพิสูจน์ให้เห็นถึงการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ซึ่งกันและกันในช่วงเวลาที่ยากลำบาก จึงส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างกันในปัจจุบัน มีความแข็งแกร่งดุจหินผาเช่นดังเดิม
 
รองปธน.ไล่ฯ ยังชี้ด้วยว่า เอสวาตินีในฐานะหุ้นส่วนที่แข็งแกร่งของไต้หวันในประชาคมโลก ได้ให้การสนับสนุนและให้ความช่วยเหลือไต้หวัน ในการเข้ามีส่วนร่วมในเวทีนานาชาติอย่างต่อเนื่อง เฉพาะในปี 2566 รัฐบาลเอสวาตินีทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงให้ไต้หวันอย่างเต็มที่ ทั้งในการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ การประชุมสมัชชาอนามัยโลก (WHA) การประชุมสมัชชาใหญ่องค์การตำรวจสากล (INTERPOL) การประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นต้น รองปธน.ไล่ฯ ในฐานะตัวแทนภาครัฐและประชาชนไต้หวัน ขอแสดงความขอบคุณด้วยใจจริง ต่อความสนับสนุนอย่างเต็มที่ของเอสวาตินี
 
รองปธน.ไล่ฯ ยังเห็นว่า เอสวาตินีได้จัดการเลือกตั้งรัฐสภาขึ้นอย่างสันติเมื่อเดือนก.ย. ปี 2566 เช่นดียวกับไต้หวันที่เพิ่งจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดี รองประธานาธิบดีและสมาชิกสภานิติบัญญัติเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงแนวคิดค่านิยมด้านประชาธิปไตยและเสรีภาพของรัฐบาลและประชาชนของทั้งสองฝ่าย รองปธน.ไล่ฯ เชื่อว่า ภายใต้การนำของรมว. Pholile ความสัมพันธ์ที่ดำเนินมาอย่างยาวนานระหว่างไต้หวัน – เอสวาตินี จะได้รับพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
 
ในขณะที่ รมว. Pholile ได้ส่งผ่านคำทักทายของสมเด็จพระราชาธิบดีอึมสวาตีที่ 3 (H.M. King Mswati Ⅲ) และ H.M. Queen Mother Ntombi Tfwala สมเด็จพระบรมราชชนนีที่มีต่อไต้หวัน รวมไปถึงคำอวยพรและคำทักทายของเจ้าหน้าที่ภาครัฐและภาคประชาชนเอสวาตินี พร้อมทั้งแสดงความขอบคุณต่อบรรดาเจ้าหน้าที่ภาครัฐของไต้หวันสำหรับการต้อนรับอันแสนอบอุ่น
 
รมว. Pholile แสดงทรรศนะว่า ช่วงเวลานี้เป็นจังหวะที่เหมาะสมแก่การเยือนไต้หวันเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเพิ่งได้มีการจัดการเลือกตั้งทั่วไปในไต้หวันขึ้นเมื่อวันที่ 13 ม.ค. ที่ผ่านมา นอกจากนี้ เหล่าสมาชิกสภานิติบัญญัติของไต้หวันก็ได้เข้าพิธีสาบานตนและโหวตลงคะแนนเลือกประธานสภานิติบัญญัติคนใหม่ในวันที่ 1 ก.พ. สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ควรค่าแก่การเฉลิมฉลอง นอกจากนี้ รมว. Pholile ยังส่งผ่านข้อความพระราชสาส์นอำนวยพรของสมเด็จพระราชาธิบดีอึมสวาตีที่ 3 ที่ทรงแสดงความชื่นชมต่อการเลือกตั้งที่แข่งขันกันอย่างเต็มที่ภายใต้หลักแห่งเสรีภาพ พร้อมทั้งทรงแสดงความยินดีกับพรรครัฐบาลไต้หวันที่สามารถชนะการเลือกตั้งได้ติดต่อกัน 3 สมัยซ้อน ซึ่งเอสวาตินีจะไม่พลาดการเข้าร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งผู้นำไต้หวันคนใหม่ ที่มีกำหนดการจัดขึ้นในวันที่ 20 พ.ค. ที่จะถึงนี้อย่างแน่นอน
 
ในส่วนของโครงการความร่วมมือที่อยู่ระหว่างการดำเนินการของทั้งสองประเทศ รมว. Pholile ชี้ว่า โครงการ คลังสำรองน้ำมันเชิงยุทธศาสตร์ ที่ประสานความร่วมมือระหว่าง Overseas Investment & Development Corp. (OIDC) ของไต้หวัน และบริษัทปิโตรเลียม Eswatini National Petroleum Company (ENPC) ของเอสวาตินี ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วในเอสวาตินี ส่วนโครงการเสริมสร้างศักยภาพสตรีที่มุ่งผลักดันโดยสมเด็จพระบรมราชชนนี Ntombi Tfwala ก็มีเป้าหมายที่จะยกระดับศักยภาพของกลุ่มสตรีในเอสวาตินี ด้านผู้เชี่ยวชาญจากกองทุนเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของไต้หวัน (Taiwan ICDF) ที่ประจำการอยู่ในเอสวาตินี ก็ได้มุ่งยกระดับการพัฒนาและการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมการเกษตรของเอสวาตินีอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ คณะผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของไต้หวัน ก็ยังได้นำเสนอบริการทางการแพทย์คุณภาพสูงให้แก่ประชาชนชาวเอสวาตินี เพื่อยกระดับประสิทธิภาพในการดำเนินงานของกระทรวงสาธารณสุขเอสวาตินีด้วย
 
รมว. Pholile กล่าวด้วยว่า โครงการความร่วมมือเหล่านี้เป็นเพียงกรณีตัวอย่างเพียงไม่กี่ประการในความร่วมมือระหว่างไต้หวัน – เอสวาตินี แต่กลับสะท้อนให้เห็นถึงผลสัมฤทธิ์ของทั้งสองฝ่าย ภายใต้มิตรภาพและความร่วมมือของความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วน ซึ่งเอสวาตินีจะยังคงทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงให้การสนับสนุนไต้หวันเข้าร่วมองค์การระหว่างประเทศ และเวทีนานาชาติต่อไป โดยพวกเขาเชื่อว่า มีเพียงการส่งเสริมให้ไต้หวันเข้าร่วมอย่างเท่าเทียมเฉกเช่นประเทศอื่นๆ และบูรณาการทรัพยากรทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกัน จึงจะสามารถบรรลุ “Agenda 2063” ของสหภาพแอฟริกาและเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ (SDGs) ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม