New Southbound Policy Portal
สภาบริหาร วันที่ 12 ส.ค. 67
เมื่อวันที่ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา นางเติ้งลี่จวิน รองนายกรัฐมนตรี สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้เข้าตรวจการณ์ที่ “ศูนย์ฝึกซ้อมกีฬาแห่งชาติไต้หวัน (National Sports Training Center, NSTC)” ซึ่งตั้งอยู่ในเขตจั่วอิ๋ง นครเกาสง พร้อมกล่าวว่า มหกรรมกีฬาโอลิมปิก ณ กรุงปารีส ประจำปี พ.ศ. 2567 ที่ปิดฉากลงเมื่อวันที่ 11 สิงหาคมที่ผ่านมา บรรดานักกีฬาทีมชาติไต้หวันต่างสามารถสร้างผลงานได้เป็นที่น่าประทับใจ จนสามารถคว้า 2 เหรียญทอง 5 เหรียญทองแดงมาเป็นเกียรติยศแก่ประเทศชาติ ความมุมานะในการต่อสู้ของทัพนักกีฬาไต้หวันในครั้งนี้ นอกจากจะสร้างความฮึกเหิมให้แก่ประชาชนในประเทศแล้ว ยังเป็นการผนึกกำลังสามัคคีของไต้หวันให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันด้วย
หลังการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปิดฉากลง การแข่งขันกีฬาพาราลิมปิก ณ กรุงปารีส ก็มีกำหนดเปิดฉากขึ้นในวันที่ 28 สิงหาคมนี้ ไปจนถึงวันที่ 8 กันยายน 2567 โดยในการแข่งขันพาราลิมปิกครั้งนี้ ไต้หวันได้ส่งนักกีฬาเข้าลงแข่งทั้งหมด 7 ประเภท รวม 13 คน
รองนรม.เติ้งฯ กล่าวว่า จากการแข่งขันกีฬาเอเชียนพาราเกมส์ เมืองหางโจว เมื่อปี 2566 ไต้หวันสามารถคว้า 4 เหรียญทอง 4 เหรียญเงิน และ 12 เหรียญทองแดงมาครอง รวมเป็น 20 เหรียญ เพื่อให้การสนับสนุนทัพนักกีฬาพาราลิมปิก ที่เตรียมเข้าร่วมการแข่งขันพาราลิมปิกปารีสในปีนี้ สำนักงานการกีฬา ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงศึกษาธิการ จึงได้เริ่มโครงการ “แผนปฏิบัติการเตรียมความพร้อมสำหรับการแข่งขันพาราลิมปิก” ด้วยการจัดให้เหล่านักกีฬาเข้าพำนักอาศัยใน NSTC เพื่อฝึกซ้อมและเตรียมความพร้อมของร่างกายในสภาพแวดล้อมที่เพียบพร้อมและได้รับการดูแลอย่างเต็มที่
รองนรม.เติ้งฯ ย้ำว่า การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและการแข่งขันกีฬาพาราลิมปิก เป็นการแข่งขันกีฬาที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน โดยรัฐบาลจะอัดฉีดทรัพยากรที่เท่าเทียมกัน พร้อมทั้งส่งเสริมให้กลุ่มผู้ทุพพลภาพเข้าสีส่วนร่วมในกิจการด้านการกีฬาเป็นจำนวนเพิ่มมากขึ้น และมีทั้งสิทธิ์และโอกาสในการตัดสินใจว่าจะก้าวขึ้นสู่ความเป็นนักกีฬามืออาชีพหรือไม่ต่อไป
รองนรม.เติ้งฯ กล่าวอีกว่า รัฐบาลวางแผนจะจัดตั้ง “กระทรวงพลศึกษาและพัฒนาการกีฬา” เพื่อเสริมสร้างรากฐานทางการกีฬา ควบคู่ไปกับการสนับสนุนการพัฒนาทักษะด้านการแข่งขันกีฬาและเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถเข้าถึงทรัพยากรที่เกี่ยวข้องได้มากยิ่งขึ้น ตลอดจนส่งเสริมการออกกำลังกายของภาคประชาชน และการพัฒนาความหลากหลายทางอุตสาหกรรมการกีฬา และเป็นพลังสนับสนุนอันเข้มแข็งของเหล่าฮีโร่ไต้หวันทุกคน