New Southbound Policy Portal

ปธน.และรองปธน.สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) Mr. Brad Wenstrup หัวหน้าทีมปฏิบัติการพิเศษเพื่อรับมือ “สถานการณ์โรคโควิด - 19” ของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ และคณะ

ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 20 ส.ค. 67
 
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 20 สิงหาคม ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้การต้อนรับ Mr. Brad Wenstrup, R-OH หัวหน้าทีมปฏิบัติการพิเศษเพื่อรับมือ “สถานการณ์โรคโควิด - 19” ภายใต้ “คณะกรรมาธิการด้านการตรวจสอบและสอบสวน” แห่งสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ โดยปธน.ไล่ฯ ได้แสดงความขอบคุณต่อรัฐบาลสหรัฐฯ ที่บริจาควัคซีนป้องกันโรคระบาดให้ไต้หวัน ในระหว่างสถานการณ์โรคโควิด – 19 พร้อมระบุว่า ไต้หวันมีศักยภาพในการอุทิศคุณประโยชน์ต่อระบบสาธารณสุขโลก โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า นอกจากด้านสาธารณสุขแล้ว ไต้หวัน - สหรัฐฯ จะสามารถเสริมสร้างความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนด้านอื่นๆ ในเชิงลึก ทั้งทางเศรษฐกิจ การค้าและความมั่นคง เพื่อร่วมส่งเสริมการพัฒนาที่เจริญรุ่งเรืองในระดับภูมิภาคและระดับโลกต่อไป
 
ปธน.ไล่ฯ กล่าวแสดงความขอบคุณต่อ Mr. Wenstrup ที่ได้เรียกร้องให้รัฐบาลโจ ไบเดน บรรจุชื่อของไต้หวันเข้าสู่รายชื่อกลุ่มเป้าหมายที่จะได้รับมอบบริจาควัคซีนป้องกันโรคโควิด – 19 แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันดีที่เอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ นอกจากนี้ เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ก่อนการประชุมสมัชชาอนามัยโลก (WHA) Mr. Wenstrup ได้ทำหน้าที่เป็นแกนนำ “คณะแพทย์แห่งพรรครีพับลิกัน” ในการยื่นหนังสือเรียกร้องต่อองค์การอนามัยโลก (WHO) เพื่อให้เชิญไต้หวันเข้ามีส่วนร่วมในการประชุม WHA ด้วย
 
ปธน.ไล่ฯ ชี้ว่า ตั้งแต่ตนเข้ารับตำแหน่ง ก็มีตั้งใจที่จะสรรสร้าง “ไต้หวันสุขภาพดี” เพื่อส่งเสริมให้ภาคประชาชนมีสุขภาพชีวิตที่แข็งแรง ยกระดับกลไกการดูแลของประชาชนทุกช่วงวัย ควบคู่ไปกับการสร้างความร่วมมือในระดับนานาชาติอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งจัดตั้งกลไกการดูแลสุขภาพ หลังยุคโควิด – 19 ตลอดจนแสวงหาแนวทางการรับมือกับสถานการณ์โรคระบาดระดับสากลในภายภาคหน้าต่อไป
 
ในช่วงบ่ายของวันเดียวกันนี้ รองปธน.เซียวฯ ก็ได้ให้การต้อนรับคณะตัวแทนที่นำโดย Mr. Wenstrup พร้อมกล่าวว่า มวลมนุษยชาติที่ยึดมั่นในเสรีภาพ ต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกันในยามลำบาก ไม่ว่าจะเป็นการส่งมอบชุดอุปกรณ์ป้องกันโรคระบาด วัคซีนป้องกัน หรือจะเป็นความร่วมมือทางวิชาการ สาธารณสุขและการแพทย์ ซึ่งเชื่อว่าความร่วมมือระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ จะมีส่วนช่วยในการยกระดับสวัสดิการของมวลมนุษยชาติอย่างถ้วนหน้าต่อไป