New Southbound Policy Portal

ปธน.สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) เป็นประธานในพิธีคืนความยุติธรรมและมอบประกาศนียบัตรเพื่อกอบกู้ชื่อเสียงของเหยื่อทางการเมือง

ทำเนียบประธานาธิบดีและสภาบริหาร วันที่ 31 ส.ค. 67
 
เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 31 สิงหาคม 2567 ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ทำหน้าที่เป็นประธานในพิธีคืนความยุติธรรมและมอบประกาศนียบัตรเพื่อกอบกู้ชื่อเสียงของเหยื่อทางการเมืองตามโครงการ “ย้อนอดีต สู่อนาคต” โดยปธน.ไล่ฯ กล่าวว่า นับเป็นครั้งที่ 2 ที่ไต้หวันได้จัดพิธีคืนความยุติธรรมและมอบประกาศนียบัตรเพื่อกอบกู้ชื่อเสียงของเหยื่อทางการเมือง โดยหลังเสร็จสิ้นภารกิจในปัจจุบันของคณะกรรมการเปลี่ยนผ่านสู่ความยุติธรรมแล้ว สภาบริหารจึงได้จัดตั้งสำนักงานสิทธิมนุษยชนและการเปลี่ยนผ่านสู่ความยุติธรรมขึ้น เพื่อจัดรวบรวม“รายงานความคืบหน้าของสถานการณ์” โดยมีนายกรัฐมนตรีทำหน้าที่เป็นประธาน และมอบหมายให้ 6 หน่วยงานหลักนำไปปฏิบัติตามแผนแม่บทที่กำหนดไว้
 
ปธน.ไล่ฯ กล่าวว่า นรม.จั๋วหรงไท่ จะนำเจ้าหน้าที่สภาบริหารมุ่งผลักดันกลไกทางนิติบัญญัตินานาประการอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างหลักประกันในการคุ้มครองให้แก่เหยื่อผู้เสียหาย และปกป้องศักดิ์ศรีของพวกเขาเหล่านั้น
 
ปธน.ไล่ฯ ชี้ว่า รัฐบาลจะยอมรับความผิดพลาดในอดีต พร้อมทั้งทำการแก้ไขด้วยวิธีการต่างๆ อาทิ การกอบกู้ชื่อเสียง เพิกถอนการลงอาญา และอนุมัติเงินชดเชียให้แก่ผู้เสียหาย โดยปธน.ไล่ฯ ยังถือโอกาสนี้แสดงความขอโทษอย่างสุดซึ้งต่อเหล่าบรรพบุรุษและครอบครัวของเหยื่อทางการเมืองทุกท่าน ในฐานะที่เป็นประธานาธิบดีและตัวแทนของชาติ พร้อมทั้งขอแสดงความขอบคุณต่อเหล่าวีรชนที่มุ่งมั่นต่อสู้เพื่อปกป้องไต้หวันอย่างสุดกำลัง
 
ปธน.ไล่ฯ เห็นว่า “มีเพียงการรับทราบข้อเท็จจริง จึงจะสามารถเสริมสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกันได้” เป็นหลักการที่ใช้ได้กับทุกกรณี พร้อมเน้นย้ำว่า รัฐบาลจำเป็นต้องพิจารณาทบทวนต่อประวัติศาสตร์ในยุคเผด็จการอย่างต่อเนื่อง โดยพวกเราจำเป็นต้องคืนความยุติธรรมให้แก่ภาคประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อ ควบคู่ไปกับการมุ่งผลักดันภารกิจการเปลี่ยนผ่านสู่ความยุติธรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมให้ทุกคนประจักษ์ถึงข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์ในทิศทางเดียวกัน
 
ปธน.ไล่ฯ กล่าวเสริมว่า “จดจำความผิดพลาดในอดีต เปิดหน้าต่างสู่วิสัยทัศน์ของไต้หวัน ใช้ชีวิตในประเทศเสรีที่รุ่งเรือง” ถือเป็นหัวใจหลักสำคัญที่ต้องการจะถ่ายทอดผ่านพิธีการในครั้งนี้
 
นอกจากนี้ นรม.จั๋วฯ ยังกล่าวว่า ขณะนี้ การเปลี่ยนผ่านสู่ความยุติธรรมที่มุ่งผลักดันโดยรัฐบาลไต้หวัน บังเกิดผลสัมฤทธิ์ที่เด่นชัดในเบื้องต้น อีกทั้งยังระบุว่า เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2567 ที่ประชุมสภาบริหารได้มีมติเห็นชอบต่อญัตติแก้ไข “กฎระเบียบว่าด้วยการฟื้นฟูสิทธิของเหยื่อผู้เสียหายจากการกระทำที่ถูกละเมิดโดยรัฐบาลในยุคสมัยเผด็จการ” โดยหวังที่จะสร้างหลักประกันทางสิทธิให้แก่เหยื่อที่เป็นกลุ่มผู้ด้อยโอกาสทางเศรษฐกิจ รวมถึงการฟื้นฟูสิทธิประโยชน์รอบด้านของสมาชิกภายในครอบครัว โดยนรม.จั๋วฯ หวังที่จะเห็นภาคประชาชนร่วมผลักดันการเปลี่ยนผ่านสู่ความยุติธรรม ควบคู่ไปกับการกอบกู้ชื่อเสียง ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้ไต้หวันก้าวสู่ประเทศที่ยึดมั่นในความยุติธรรมเหนือสิ่งอื่นใด
 
นรม.จั๋วฯ ชี้ว่า มูลนิธิเพื่อการฟื้นฟูสิทธิของผู้เสียหายจากการถูกละเมิดโดยการทำผิดกฎหมายของรัฐในยุคสมัยการปกครองรูปแบบเผด็จการ (Restoration of Victim's Rights Infringed by Illegal Acts of the State During the Period of Authoritarian Rule Foundation) ตราบจนปัจจุบัน ได้รับเรื่องร้องเรียนที่เกี่ยวกับชีวิตและเสรีภาพของประชาชน รวมจำนวน 2,126 ราย พร้อมทั้งอนุมัติเงินชดเชยแล้วเป็นมูลค่ากว่า 4,700 ล้านเหรียญไต้หวัน และมอบประกาศนียบัตรเพื่อการกอบกู้ชื่อเสียง รวมจำนวน 2,620 ฉบับ