New Southbound Policy Portal

นรม.สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ให้การต้อนรับคณะตัวแทนสมาคมการค้า ระหว่างสหรัฐฯ - ไต้หวัน (USTBC) โดยคาดหวังให้ทั้งสองฝ่ายร่วมลงนาม “ความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อน” เพื่อแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจและอุปสรรคด้านการลงทุน

สภาบริหาร วันที่ 4 ก.ย. 67
 
เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2567 นายจั๋วหรงไท่ นายกรัฐมนตรี สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้การต้อนรับคณะตัวแทนสมาคมการค้าระหว่างสหรัฐฯ - ไต้หวัน (USTBC) พร้อมทั้งกล่าวว่า USTBC เป็นหุ้นส่วนทางประชาธิปไตยที่สำคัญของไต้หวัน จึงขอใช้โอกาสนี้แสดงความขอบคุณต่อ USTBC ที่มุ่งผลักดันการแลกเปลี่ยนระหว่างรัฐบาลและความสัมพันธ์ของภาคเอกชน ตลอดจนเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนระหว่างผู้ประกอบการทั้งสองฝ่าย รวมไปถึงความเชื่อมั่นที่สหรัฐฯ มีต่อตลาดไต้หวันเสมอมา โดยนรม.จั๋วฯ คาดหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะร่วมลงนาม “ความตกลงเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อน” (ADTA) อย่างราบรื่นโดยเร็ววัน เพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจและอุปสรรคการลงทุน ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มโอกาสให้แก่ภาคอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และยานยนต์พลังงานไฟฟ้า ตลอดจนยังเป็นการวางรากฐานเบื้องต้นในการเข้าร่วมกรอบเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก (IPEF) ของไต้หวัน เพื่อมุ่งบรรลุเป้าหมายการพัฒนาความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก
 
นรม.จั๋วฯ ระบุว่า ในปี 2566 การค้าแบบทวิภาคี ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ มีมูลค่าสูงถึง 127,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งบริษัท TSMC , GlobalWafers Co.,Ltd. และ Mediatek ต่างก็ทยอยลงทุนในสหรัฐฯ ซึ่งในขณะเดียวกัน Lam Research ก็ได้จัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาในไต้หวัน รวมไปถึงบริษัทชั้นนำโลกอย่าง Google , Amazon ที่อัดฉีดเงินลงทุนในไต้หวันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ ที่ไม่ใช่แค่เพียงพันธมิตรด้านประชาธิปไตยเท่านั้น แต่ยังเป็นหุ้นส่วนทางความร่วมมือด้านเทคโนโลยีและเศรษฐกิจ อันส่งผลให้ระบบห่วงโซ่อุปทานทางประชาธิปไตย นับวันยิ่งทวีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น
 
นรม.จั๋วฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ไต้หวัน - สหรัฐฯ ได้เปิดบริบททางความร่วมมือในด้านต่างๆ มากมาย ภายใต้กลไกความร่วมมือ อย่างการเจรจาหุ้นส่วนเพื่อความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ (EPPD) และกรอบความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนทางเทคโนโลยี (TTIC) อาทิ เทคโนโลยี 5G ความมั่นคงทางโทรคมนาคม ระบบห่วงโซ่อุปทานและการลงทุน รวมไปถึงการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน เป็นต้น
 
นรม.จั๋วฯ แถลงว่า ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้ความสำคัญกับ “5 อุตสาหกรรมหลักที่มีความน่าเชื่อถือ” ประกอบด้วย การพัฒนาเซมิคอนดักเตอร์ เทคโนโลยี AI การเตรียมความพร้อมทางกลาโหม การบริหารความมั่นคง และเทคโนโลยีในยุคสมัยใหม่ ด้วยเหตุนี้ สภาบริหารจึงได้จัด “การประชุมที่ปรึกษาคณะกรรมการพัฒนาทางเศรษฐกิจ” ขึ้นในวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา โดยได้เปิดอภิปรายกันในประเด็นที่เกี่ยวข้องหลายประการ ซึ่งจะนำไปใช้ประกอบการพิจารณาในการกำหนดนโยบายสำคัญของภาครัฐต่อไป ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังได้จัดสรรงบประมาณส่วนกลางในด้านเทคโนโลยี ประจำปี 2568 ไว้ที่ 146,600 ล้านเหรียญไต้หวัน อีกทั้งยังได้มีการจัดตั้ง “กองทุนสานฝันเยาวชนมูลค่าหมื่นล้านเหรียญ” ซึ่งจะทำการคัดเลือกเยาวชนในประเทศที่สร้างผลงานยอดเยี่ยม เดินทางไปเรียนรู้เทคโนโลยีขั้นสูงในต่างประเทศ เพื่อดำเนินการวิจัยอย่างมืออาชีพ โดยหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะประสานความร่วมมือกับกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว และสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียง เพื่อร่วมบ่มเพาะบุคลากรทางเทคโนโลยีคุณภาพ ที่จะมาช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมภายในประเทศ ให้เจริญรุ่งโรจน์ยิ่งขึ้น
 
Mr. Keith Krach ประธานสถาบันวิจัย Krach Institute for Tech Diplomacy กล่าวว่า ผลสัมฤทธิ์ด้านประชาธิปไตยของไต้หวันเป็นต้นแบบในภูมิภาคเอเชียและระดับโลก ด้วยเหตุนี้ การเดินทางมาเยือนของคณะตัวแทน ก็เพื่อแสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนต่อความเจริญรุ่งเรืองทางประชาธิปไตยของไต้หวัน นอกจากนี้ Mr. Krach ยังหวังที่จะขยายความสัมพันธ์ทางความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการค้าระหว่างสองประเทศ ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างมิตรภาพระหว่างภาคประชาชน
 
Mr. Krach ยังระบุว่า เมื่อปีที่แล้ว สถาบันวิจัย Krach Institute for Tech Diplomacy ได้ประกาศจัดตั้ง “ศูนย์นวัตกรรมและความเจริญรุ่งเรืองของไต้หวัน” (Taiwan Center for Innovation and Prosperity, TCIP) โดยหวังที่จะส่งเสริมการลงทุนแบบทวิภาคี ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ ควบคู่ไปกับการยกระดับสถานภาพของไต้หวันบนเวทีนานาชาติ ประกอบกับสถาบันวิจัยฯ ยังได้จัดตั้งแพลตฟอร์มออนไลน์ของ “สถาบันการทูตเชิงเทคโนโลยี” (Tech Diplomacy Academy) เพื่อบ่มเพาะบุคลากรในหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีความมั่นคงแห่งชาติ พร้อมทั้งคาดหวังที่จะวิจัยและพัฒนาหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับ “5 อุตสาหกรรมหลักที่มีความน่าเชื่อถือ” ต่อไป
 
โดยในวันเดียวกันนี้ นรม.จั๋วฯ ยังได้เดินทางเข้าร่วม พิธีเปิดมหกรรมเซมิคอนดักเตอร์นานาชาติ 2567 (SEMICON Taiwan 2024) ซึ่งหัวข้อในปีนี้ คือ “ทลายขีดจำกัด : ขับเคลื่อนยุค AI” (Breaking Limits: Powering the AI Era.) โดยคูหากรมเทคโนโลยีอุตสาหกรรมของกระทรวงเศรษฐการได้จัดแสดงสินค้าทางเทคโนโลยีทันสมัย รวม 45 รายการ โดยในจำนวนนี้ แผ่นชิป MOSAIC 3D AI (Memory-cube Operability in a Stacked AI Chip, MOSAIC) ที่ออกแบบมาเพื่อการประยุกต์ใช้สำหรับ Generative AI ชิ้นแรกของโลก นอกจากจะสามารถคว้ารางวัล R&D 100 Awards ประจำปี 2567 ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นรางวัลออสการ์แห่งเทคโนโลยีประจำปีแล้ว ยังเป็นการชี้แนะทิศทางการตลาดหน่วยความจำที่มีแบนด์วิดท์สูง (High Bandwidth Memory, HBM) อันเป็นการนำเสนอแผนโซลูชันทดแทนอุตสาหกรรม AI ที่มีประสิทธิภาพสูง ความยืดหยุ่นสูงและสมรรถนะสูง
 
ชิวฉิวฮุ่ย อธิบดีกรมเทคโนโลยีอุตสาหกรรม กล่าวว่า จากรายงานของ Fortune Business Insights ระบุว่า ขนาดของตลาด Generative AI จะขยายตัวเพิ่มขึ้นจาก 67,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2567 มาเป็น 967,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2568 อัตราการเติบโตแบบทบต้นต่อปี สูงถึง 39.6%