New Southbound Policy Portal
กระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการ วันที่ 17 ต.ค. 67
Ms. Lucrecia Peinado สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสาธารณรัฐกัวเตมาลา และคณะได้เดินทางเยือนกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ในวันที่ 14 ตุลาคม 2567 โดยมีนายลวี่เจี้ยนเต๋อ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) เป็นผู้ให้การต้อนรับด้วยตนเอง
สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของกัวเตมาลา มีความแตกต่างจากสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของประเทศอื่นๆ เนื่องจาก Ms. Peinado สำเร็จการศึกษาด้านแพทยศาสตร์ นอกจากจะเป็นคู่บุญของผู้นำประเทศแล้ว ยังเป็นผู้ที่นำพา “สำนักเลขาธิการฝ่ายสังคมสงเคราะห์โดยสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง” (Secretary of Social Work of the President's Wife, SOSEP) และ “กรมสวัสดิการสังคมแห่งทำเนียบประธานาธิบดีกัวเตมาลา” ให้ผลักดันภารกิจการดูแลเด็ก เยาวชนและกลุ่มสตรี รวมไปถึงการสร้างหลักประกันทางสิทธิประโ ยชน์ของผู้พิการ การเดินทางเยือนไต้หวันของ Ms. Peinado ในครั้งนี้ เป็นไปตามคำเชิญของรัฐบาลไต้หวัน เพื่อเข้าร่วมพิธีฉลองวันชาติสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ซึ่งนอกจากจะเดินทางมาเยือนกต.ไต้หวันแล้ว ยังมีกำหนดการเข้าเยี่ยมชมโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยแห่งชาติไต้หวัน (NTUH) มูลนิธิ The Garden of Hope Foundation และบ้านพักคนชราในเขตปาหลี่ ที่ตั้งอยู่ในนครนิวไทเปอีกด้วย
รมช.ลวี่ฯ รู้สึกชื่นชม Ms. Peinado เป็นอย่างมาก เพราะแม้ว่าจะมีสถานะสูงศักดิ์ แต่กลับไม่ทะนงตน และยังพร้อมจะใช้ความสามารถของตัวเอง มาทำการดูแลและให้บริการแก่กลุ่มผู้ด้อยโอกาสในสังคม ซึ่งก่อนหน้านี้ Ms. Peinado เคยทำงานในโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) องค์การอนามัยโลก (WHO) และองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (USAID) ตลอดจนเข้ามีส่วนร่วมในการผลักดันภารกิจระดับนานาชาติที่เกี่ยวข้องกับเด็ก เยาวชน กลุ่มสตรีและสิทธิประโยชน์ของผู้พิการ เป็นต้น ถือเป็นต้นแบบของผู้หญิงในยุคสมัยใหม่อย่างแท้จริง
รมช.ลวี่ฯ กล่าวอีกว่า ในระหว่างการสนทนากับ Ms. Peinado ในครั้งนี้ Ms. Peinado รู้สึกสนใจต่อโครงการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิตของกลุ่มเยาวชน และนโยบายการพัฒนากลไกการดูแลผู้สูงอายุ รูปแบบ 3.0 ที่ถูกบรรจุเข้าสู่พันธกิจการสร้างไต้หวันสุขภาพดี นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้ร่วมแลกเปลี่ยนนโยบายที่เกี่ยวข้องและแนวทางการผลักดันภารกิจส่งเสริมสิทธิประโยชน์ของเด็ก เยาวชน ผู้สูงอายุและกลไกการดูแลสุขภาพของกลุ่มบุคคลที่มีความต้องการเป็นพิเศษ
เนื่องจากขณะนี้ รัฐบาลกัวเตมาลากำลังมุ่งผลักดันแก้ไขภาวะทุพโภชนาการ ควบคู่ไปกับการยกระดับโภชนาการที่สมดุลของภาคประชาชน ตลอดจนกำลังร่างพิจารณานโยบายที่เกี่ยวข้อง เพื่อเสริมสร้างกลไกการดูแลกลุ่มผู้สูงอายุ จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ในอนาคต ทั้งสองฝ่ายจะมุ่งพัฒนาความสัมพันธ์ทางความร่วมมือในประเด็นที่เกี่ยวข้องในเชิงลึก รมช.ลวี่ฯ ยังใช้โอกาสนี้ในฐานะตัวแทนของรัฐบาลไต้หวัน แสดงความขอบคุณต่อรัฐบาลกัวเตมาลา ที่ร่วมเป็นกระบอกเสียงสนับสนุนให้ไต้หวัน เข้ามีส่วนร่วมในองค์การอนามัยโลก (WHO) ตลอดจนคาดหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นความสัมพันธ์แบบทวิภาคีระหว่างสองฝ่าย ดำเนินไปต่อไปอย่างยั่งยืน