New Southbound Policy Portal

ปธน.สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ให้การต้อนรับ รมว.ต่างประเทศของปารากวัย และคณะตัวแทนจากสมาคมทหารผ่านศึกแห่งสหรัฐอเมริกา (AL)

ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 28 พ.ย. 67
 
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 28 พฤศจิกายน 2567 ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้การต้อนรับ Mr. Rubén Ramírez Lezcano รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐปารากวัยและคณะ พร้อมชี้ว่า เมื่อเดือนพฤษภาคม 2567 รมว. Ramírez และ H.E. Santiago Peña Palacios ได้ให้เกียรติเดินทางมาเข้าร่วมพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของตน และรองประธานาธิบดีเซียวเหม่ยฉิน เมื่อครึ่งปีก่อน การนำคณะตัวแทนเดินทางเยือนไต้หวันของรมว. Ramírez ในครั้งนี้ เชื่อว่านอกจากจะเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันดีที่รมว. Ramírez มีต่อไต้หวันแล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงมิตรภาพอันเข้มแข็งระหว่างทั้งสองฝ่ายด้วย
 
ปธน.ไล่ฯ ได้แสดงความขอบคุณต่อ ปธน. Peña และรัฐบาลปารากวัยที่สนับสนุนให้ไต้หวันเข้ามีส่วนร่วมในองค์การระหว่างประเทศอย่างเต็มที่ พร้อมนี้ ปธน. Peña ยังได้ร่วมเป็นกระบอกเสียงให้ไต้หวันใน “การประชุมสุดยอดแห่งอนาคต” และการอภิปรายทั่วไป ภายใต้ระบบสหประชาชาติ (UN) ซึ่งสร้างความซาบซึ้งใจให้แก่พวกเราชาวไต้หวันเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ รมว. Ramírez ยังได้ร่วมลงนามในหนังสือเรียกร้องให้การสนับสนุนไต้หวันในระหว่างการประชุมองค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ (International Criminal Police Organization, INTERPOL) และการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 29 (UNFCCC COP 29)
 
ปธน.ไล่ฯ ชี้ว่า หลายปีมานี้ ไต้หวัน - ปารากวัย ได้ประสานความร่วมมือกันอย่างแนบแน่น ทั้งในด้านการศึกษา การแพทย์สาธารณสุข การเกษตร ปศุสัตว์ และการส่งเสริมศักยภาพสตรี เป็นต้น โดยปธน.ไล่ฯ หวังที่จะเห็นทั้งสองฝ่ายมุ่งดำเนินภารกิจตามโครงการความร่วมมือในเชิงลึกอย่างต่อเนื่อง อันจะนำมาซึ่งประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อสร้างสวัสดิการและความผาสุกให้แก่ประชาชนของทั้งสองฝ่ายอย่างยั่งยืนต่อไป
 
ปธน.ไล่ฯ ชี้อีกว่า หลังจากการเดินทางมาเยือนไต้หวันในครั้งนี้ ตนหวังที่จะเห็นคณะตัวแทนรู้จักกับไต้หวันในเชิงลึกมากยิ่งขึ้น พร้อมทั้งนำข้อคิดที่ได้กลับไปแบ่งปันสู่ประชาชน เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจและมิตรภาพแบบทวิภาคี
 
หลังจากนั้น เป็นการกล่าวปราศรัยของ รมว. Ramírez โดยได้กล่าวว่า ทุกครั้งที่เดินทางเยือนไต้หวัน จะได้พบกับไต้หวันที่มีความเจริญรุ่งเรือง ก้าวทันยุคสมัยใหม่ และมีความเจริญก้าวหน้า
 
รมว. Ramírez ชี้ว่า ความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนทางความร่วมมือด้านกลยุทธ์ ที่ทั้งสองฝ่ายร่วมพัฒนา มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการพัฒนาของภาคประชาชนและส่งเสริมให้ประเทศชาติเกิดความแข็งแกร่ง โดยทั้งสองฝ่ายได้ประสานความร่วมมือและแลกเปลี่ยนระหว่างกันอย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพและบรรลุผลสัมฤทธิ์ ทั้งในด้านสาธารณสุข การศึกษา การเกษตร ปศุสัตว์ การคมนาคม เทคโนโลยี และเศรษฐกิจการค้า เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นบทพิสูจน์ให้เห็นถึงความสำคัญของมิตรภาพระหว่างกัน ที่ได้สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตร่วมกันมาเป็นระยะเวลานานถึง 67 ปี
 
ในวันเดียวกันนี้ ปธน.ไล่ฯ ยังได้ให้การต้อนรับ Mr. James LaCoursiere ประธานสมาคมทหารผ่านศึกของสหรัฐอเมริกา (American Legion, AL) และคณะ ซึ่งปธน.ไล่ฯ ได้แสดงความขอบคุณที่ AL มุ่งผลักดันนโยบายที่สร้างคุณประโยชน์ให้แก่บรรดาทหารผ่านศึกแล้ว และให้การสนับสนุนการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือ ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ มาเป็นระยะเวลายาวนาน เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนแบบทวิภาคี นอกจากจะการแลกเปลี่ยนในกิจการด้านทหารผ่านศึกแล้ว ปธน.ไล่ฯ หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นทั้งสองฝ่ายเสริมสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงอย่างต่อเนื่อง เพื่อร่วมธำรงรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในระดับภูมิภาคและระดับโลก ให้คงอยู่อย่างยั่งยืนต่อไป
 
ในช่วงแรก ปธน.ไล่ฯ ได้ร่วมแสดงความยินดีกับ Mr. LaCoursiere ที่ได้รับเลือกให้เป็นประธานสมาคม AL เมื่อช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งหลังเข้าดำรงตำแหน่งไม่นาน Mr. LaCoursiere ก็ได้นำคณะตัวแทนเดินทางเยือนไต้หวัน แสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญต่อความสัมพันธ์อันดี ระหว่างไต้หวัน - สหรัฐฯ
 
ปธน.ไล่ฯ เห็นว่า ในไต้หวัน พวกเราก็ให้ความสำคัญต่อกลุ่มทหารผ่านศึกเช่นเดียวกัน ซึ่งเรารู้สึกขอบคุณและซาบซึ้งใจต่อการอุทิศตนในการปกป้องประเทศชาติ จึงหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะมอบการดูแลที่ดียิ่งขึ้นให้แก่พวกเขา ซึ่งนอกจากรัฐบาลส่วนกลางแล้ว รัฐบาลส่วนท้องถิ่นก็ยังเข้ามีส่วนร่วมด้วยเช่นกัน โดยปธน.ไล่ฯ ยังได้นึกย้อนไปว่า เมื่อครั้งที่ ปธน.ไล่ฯ ยังดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าการนครไถหนาน ตนมุ่งผลักดันโครงการก่อสร้างบ้านพักสำหรับทหารผ่านศึก เพื่อให้เคหสถานบ้านพักและโรงพยาบาลทหารผ่านศึกอยู่ในพื้นที่ละแวกใกล้เคียงกัน อันจะเป็นการอำนวยความสะดวกในการเข้ารับบริการทางการแพทย์และยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่กลุ่มทหารผ่านศึก ซึ่งขณะนี้ คณะกรรมการกิจการทหารผ่านศึก (Verterans Affiars Council, VAC) สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้จัดตั้งเครือข่ายการบริการทางการแพทย์ที่ครอบคลุม ผ่านการบูรณาการการแพทย์รูปแบบอัจฉริยะและเทคโนโลยีการแพทย์จากระยะไกล เพื่อส่งเสริมให้กลุ่มเป้าหมายและนายทหารที่เกษียณอายุได้รับการดูแลที่ครอบคลุมอย่างทันท่วงที
 
ปธน.ไล่ฯ คาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ไต้หวันจะสามารถร่วมเรียนรู้ประสบการณ์ของสหรัฐฯ ผ่านการแลกเปลี่ยนกับคณะตัวแทนที่เดินทางมาเยือนในครั้งนี้ เพื่อให้พวกเราค้นพบแนวทางที่ดียิ่งขึ้นในการดูแลกลุ่มทหารผ่านศึก ปธน.ไล่ฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ภายใต้การสนับสนุนของ Mr. LaCoursiere นอกจาก ไต้หวัน - สหรัฐฯ จะร่วมแลกเปลี่ยนกันอย่างใกล้ชิดในกิจการทหารผ่านศึกแล้ว ยังเป็นการเสริมสร้างความร่วมมือทางความมั่นคงอย่างต่อเนื่อง เพื่อธำรงรักษาไว้ซึ่งสันติภาพและเสถียรภาพในระดับภูมิภาคและระดับโลก ให้คงอยู่ต่อไปอย่างยั่งยืน
 
Mr. LaCoursiere กล่าวขว่า ประธานสมาคม AL ทุกสมัยมีธรรมเนียมปฏิบัติร่วมกันหนึ่งประการ คือการเดินทางมาเยี่ยมคารวะผู้นำไต้หวันในทุกสมัย ณ ที่แห่งนี้ ซึ่งตลอดหลายสิบปีมานี้ AL - VAC ก็ได้รักษาสัมพันธไมตรีที่มีต่อกันไว้อย่างมั่นคง
 
Mr. LaCoursiere ได้แสดงความชื่นชมต่อไต้หวันที่ให้ความสำคัญต่อการปกป้องเสรีภาพด้วยศักยภาพทางการทหาร ซึ่งนับว่ามีความจำเป็นมาก ภายใต้สถานการณ์โลกที่ผันผวนเฉกเช่นในปัจจุบัน นอกจากนี้ ประวัติศาสตร์ของไต้หวันยังบ่งชี้ให้เห็นถึงการดำรงอยู่และความสำเร็จ ซึ่งเป็นการปลุกความฮึกเหิมให้แก่กลุ่มประเทศที่ถูกคุกคามโดยลัทธิอำนาจนิยม ซึ่งกลุ่มประเทศเผด็จการเหล่านี้ไม่เห็นความสำคัญและมิได้ให้ความเคารพต่อสิทธิมนุษยชนแต่อย่างใด Mr. LaCoursiere ยังได้อ้างอิงคำกล่าวสุนทรพจน์ของ Daniel Webster นักการเมืองและนักบรรยายชาวสหรัฐฯ ในศตวรรษที่ 19 ที่ได้ระบุไว้ว่า : “เสรีภาพและการควบคุมตนเอง คงอยู่อย่างเท่าเทียมกัน ยิ่งเรามีศักยภาพในการสกัดกั้นมากเพียงใด ก็ยิ่งมีเสรีภาพมากยิ่งขึ้นเท่านั้น” เชื่อว่าประโยคนี้ทำให้เห็นภาพสะท้อนของประชาชนชาวไต้หวันในหลายๆ ด้านออกมาได้อย่างชัดเจน