New Southbound Policy Portal
กระทรวงการเกษตร วันที่ 2 ธ.ค. 67
การประชุมออร์แกนิกโลก (Organic world congress, OWC) ประจำปี พ.ศ. 2567 ถูกจัดขึ้นในไต้หวันเป็นครั้งแรก ที่มหาวิทยาลัยหนานหัว (Nanhua University, NHU) ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองเจียอี้ ในช่วงระหว่างวันที่ 2 – 4 ธันวาคม 2567 การประชุมข้างต้นถือเป็นการประชุมระดับนานาชาติที่สมาพันธ์เกษตรอินทรีย์นานาชาติ (International Federation of Organic Agriculture Movements, IFOAM) จัดขึ้นในพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก 3 ปีครั้ง ซึ่งมีทั้งการประชุมเชิงปฏิบัติการ และการเยี่ยมชมเพื่อร่วมแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี ความรู้ แนวทางการประชาสัมพันธ์และนโยบายที่เกี่ยวข้อง
เมื่อต้องเผชิญกับปัญหาความท้าทายด้านการเสื่อมสภาพของทรัพยากรดิน และการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ รวมไปถึงความหลากหลายทางชีวภาพและความมั่นคงทางอาหาร บรรดาผู้เข้าร่วมการประชุมซึ่งมาจาก 61 ประเทศทั่วโลก ต่างมุ่งมั่นในการผลักดันการเกษตอินทรีย์และการพัฒนาสิ่งแวดล้อมแบบยั่งยืน โดยการประชุม OWC ในครั้งนี้ จัดให้มีกิจกรรมที่หลากหลาย ทั้งการประชุมชี้แจงก่อนเปิดงาน การบรรยายในหัวข้อพิเศษ การประชุมเชิงปฏิบัติการ การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ และตลาดนัดสินค้าเกษตรอินทรีย์ โดยมีผู้เข้าร่วมจากภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรมและภาควิชาการ มาร่วมแบ่งปันเทคโนโลยีด้านเกษตรอินทรีย์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ความรู้ความเชี่ยวชาญ วัฒนธรรมและนโยบาย และร่วมเปิดอภิปรายในประเด็นวิถีชีวิตเกษตรอินทรีย์ แนวทางการเกษตรที่เป็นมิตร การประชาสัมพันธ์ทางการตลาด และการส่งเสริมนโยบาย เป็นต้น เพื่อร่วมสนับสนุนเกษตรอินทรีย์อย่างกำลัง
นายโหยวซีคุณ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิ Youngsun Culture & Education Foundation และอดีตประธานสภานิติบัญญัติ สาธารณรัฐ (ไต้หวัน) ให้ความสนใจและมุ่งมั่นทุ่มเทในด้านการเกษตรอินทรีย์มาเป็นเวลานาน ในพิธีเปิดการประชุมในครั้งนี้ นายโหยวฯ จึงได้รับเกียรติมาทำหน้าที่เป็นผู้บรรยาย โดยได้แสดงทรรศนะว่า การเกษตรอินทรีย์สามารถเพิ่มอัตราการพึ่งพาตนเองด้านผลผลิตทางการเกษตร และสามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจในชุมชนการเกษตร ตลอดจนสร้างหลักประกันด้านความมั่นคงของผลิตภัณฑ์การเกษตร เมื่อต้องเผชิญกับปรากฏการณ์เรือนกระจกและการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน โหยวฯ จึงเรียกร้องให้มนุษย์ใช้วิถีที่เป็นมิตรต่อระบบนิเวศ ในการพัฒนาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
เมื่อต้องเผชิญกับวิกฤตการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ และการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพอย่างรวดเร็ว รวมถึงมลพิษทางสิ่งแวดล้อม กระทรวงการเกษตรไต้หวันจึงได้กำหนดนโยบายหลัก 4 ประการ ประกอบด้วย การลดปริมาณ การเพิ่มแหล่งดูดซับคาร์บอนตามธรรมชาติ การหมุนเวียนและแนวโน้มสีเขียว พร้อมยื่นเสนอแผนปฏิบัติการด้านนโยบายการเกษตรว่าด้วย “ความยืดหยุ่นแบบอัจฉริยะ ความไว้วางใจแบบยั่งยืน” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเพิ่มปริมาณอินทรียวัตถุในดิน ด้วยการขยายความครอบคลุมของเกษตรอินทรีย์ที่เป็นมิตร ควบคู่ไปกับการพิชิตเป้าหมายการลดคาร์บอนและเพิ่มประสิทธิภาพของแหล่งดูดซับคาร์บอน ทั้งนี้ เพื่อนำเสนอสินค้าการเกษตรที่ปลอดภัยและไว้วางใจได้ ให้แก่ผู้บริโภค ควบคู่ไปกับการรักษาทรัพยากรน้ำและดิน สภาพแวดล้อมเชิงระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพ ให้คงอยู่อย่างยั่งยืนต่อไป
หลังจากที่มีการบังคับใช้กฎหมายส่งเสริมการเกษตรอินทรีย์ ในช่วงที่ผ่านมา ไต้หวัน นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น สหรัฐฯ แคนาดา อินเดีย ปารากวัยและอังกฤษ ต่างได้ทยอยลงนามความตกลงว่าด้วยการยอมรับความเท่าเทียมของสินค้าเกษตรอินทรีย์ระหว่างกัน เพื่อส่งเสริมให้กฎระเบียบด้านการเกษตรอินทรีย์ ได้รับการเชื่อมโยงไปสู่เวทีนานาชาติ โดยวัตถุประสงค์ของการจัดการประชุม OWC ในครั้งนี้ ก็เพื่อส่งเสริมเทคโนโลยีและกลไกการแลกเปลี่ยนความเชี่ยวชาญทางการเกษตรอินทรีย์ ตลอดจนมุ่งเสริมสร้างประสิทธิภาพในเชิงลึกของอุตสาหกรรมและการค้าด้านเกษตรอินทรีย์ระดับสากลต่อไป