New Southbound Policy Portal
สภาบริหารและกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการ วันที่ 24 ธ.ค. 67
เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2567 นายจั๋วหรงไท่ นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุมว่าด้วยการป้องกันโรคมะเร็งแห่งชาติ ครั้งที่ 20 โดยนรม.จั๋วฯ กล่าวว่า พฤติกรรมการเคี้ยวหมาก เป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของมะเร็งช่องปาก จึงขอกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมุ่งผลักดันภารกิจการรณรงค์การบริโภคหมาก ตลอดจนมอบหมายให้กระทรวงเกษตรมุ่งผลักดันการเลิกทำสวนหมาก และส่งเสริมให้เหล่าเกษตรกรหันไปเพาะปลูกพืชชนิดอื่นแทน นอกจากนี้ เพื่อบรรลุหลักการ “ 3 แนวทางในการป้องกันมะเร็ง” ที่อยู่ภายใต้นโยบาย “ไต้หวันสุขภาพดี” กระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการ (Ministry of Health and Welfare, MOHW) จึงได้มุ่งผลักดัน “กลไกการตรวจคัดกรองมะเร็งในระยะเริ่มต้น” “การมุ่งเน้นการตรวจโรคทางพันธุกรรมและการแพทย์แม่นยำ” และ “การจัดตั้งกองทุนผลิตภัณฑ์ยาต้านมะเร็งมูลค่าหมื่นล้านเหรียญไต้หวัน” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพิชิตเป้าหมายการลดอัตราการเสียชีวิตที่มีสาเหตุมาจากโรคมะเร็งลง 1 ใน 3 ภายในปี 2573
นรม.จั๋วฯ กล่าวว่า สาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งมีมากมาย นอกจากพฤติกรรมที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพแล้ว ยังมีส่วนเกี่ยวพันกับสิ่งแวดล้อม การศึกษาและอาชีพ ด้วยเหตุนี้ สภาบริหารจึงกำหนดให้มีการจัดการประชุมแบบข้ามหน่วยงานเพื่อรายงานภารกิจการป้องกันโรคมะเร็งขึ้นอย่างสม่ำเสมอ โดยได้เชิญเจ้าหน้าที่ระดับรัฐมนตรีของกระทรวงต่างๆ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการในวงการแพทย์ เข้าร่วมการประชุมเพื่อให้คำแนะนำที่เกี่ยวข้องกับภารกิจและการผลักดันนโยบายป้องกันมะเร็งแห่งชาติ
นรม.จั๋วฯ แถลงว่า จากข้อสรุปของการประชุมครั้งที่แล้ว ชี้ชัดว่า พฤติกรรมการเคี้ยวหมาก เป็นสาเหตุหลักของมะเร็งช่องปาก รัฐบาลจึงควรจัดตั้งกฎระเบียบที่ชัดเจนในการบริหารจัดการ โดยการประชุมในครั้งนี้ ได้เชิญเจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตรและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมรายงาน “ความคืบหน้าของการบริหารจัดการสวนหมาก”
นรม.จั๋วฯ ระบุว่า เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2567 MOHW ได้ประกาศ “รายงานการลงทะเบียนผู้ป่วยมะเร็ง” เฉพาะในปี 2565 ยอดผู้ป่วยมะเร็งมีจำนวนสูงถึง 130,000 คน ซึ่งเป็นสัดส่วนที่มากกว่าปีก่อนหน้านั้น 8,500 คน โดยมีสาเหตุหลักมาจากสถานการณ์โรคโควิด – 19 ที่ทุเลาลง ส่งผลให้ความสมัครใจในการเข้ารับการตรวจคัดกรองและเข้ารับการรักษา มีสัดส่วนเพิ่มสูงขึ้น
ต่อกรณี “รายงานการยกระดับอัตราการคัดกรองมะเร็ง” ที่เสนอโดย MOHW นรม.จั๋วฯ กล่าวว่า นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป MOHW จะขยายขอบเขตของกลไกการบริการตรวจคัดกรองมะเร็งเพื่อการป้องกัน ซึ่งคาดว่า ภายในปี 2573 จำนวนผู้เข้ารับบริการตรวจคัดกรองมะเร็งจะสูงถึง 12 ล้านคนครั้ง พร้อมนี้ นรม.จั๋วฯ ยังได้กำชับให้ MOHW ยกระดับอัตราการตรวจคัดกรองมะเร็งในระยะเริ่มต้น พร้อมส่งเสริมให้ประชาชนเข้ารับการตรวจคัดกรองโดยเร็ววัน เพื่อเข้ารับการรักษาแต่เนิ่นๆ ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มอัตราการมีชีวิตรอดต่อไป สำหรับรายงาน “การมุ่งเน้นการตรวจคัดกรองโรคทางพันธุกรรมและการแพทย์แม่นยำ ซึ่งอ้างอิงจากคลังข้อมูลมานุษยวิทยา เพื่อการนำไปประยุกต์ใช้ในการป้องกันมะเร็ง” นรม.จั๋วฯ ได้เรียกร้องให้ MOHW จัดตั้งฐานข้อมูลพันธุกรรมด้านมานุษยวิทยาเฉพาะสำหรับชาวไต้หวัน ควบคู่ไปกับการประยุกต์ใช้ Big Data และเทคโนโลยี AI เพื่อยกระดับการพัฒนาทางเทคโนโลยีการแพทย์แม่นยำของไต้หวัน
สำหรับรายงาน “การยกระดับการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ยาต้านมะเร็งตัวใหม่” ที่เสนอโดย MOHW ซึ่งครอบคลุมการวางแผนกองทุนผลิตภัณฑ์ยาต้านมะเร็งมูลค่าหมื่นล้านเหรียญไต้หวัน การประยุกต์ใช้แนวทางการแพทย์แม่นยำในการป้องกันโรคมะเร็ง โดยนรม.จั๋วฯ กำชับให้ MOHW เฝ้าจับตาการพัฒนาแนวทางการรักษาโรคมะเร็งและแนวโน้มระหว่างประเทศ ควบคู่ไปกับการคำนึงถึงเงินทุนและความต้องการทางการแพทย์ โดยมีเป้าหมายในการขยายขอบเขตไปสู่กองทุนมูลค่าหมื่นล้านเหรียญ ย่นระยะเวลาในการจ่ายผลิตภัณฑ์ยาตัวใหม่ ทั้งนี้ เพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายให้แก่กลุ่มผู้ป่วยมะเร็ง ตลอดจนเป็นการยกระดับกลไกการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง
ต่อกรณีที่สมาชิกสภานิติบัญญัติได้เสนอ “แผนผลักดันการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตผู้ป่วยระยะสุดท้ายในสถานบริบาล” ในระหว่างการประชุมในครั้งนี้ นรม.จั๋วฯ กล่าวว่า ในปีหน้า (2568) ไต้หวันจะก้าวเข้าสู่ “สังคมสูงวัยระดับสุดยอด” (Super Aged Society) อย่างเต็มรูปแบบ ส่งผลให้ความต้องการด้านสถานบริบาลเพื่อคุณภาพชีวิตผู้ป่วยระยะสุดท้าย นับวันยิ่งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น นรม.จั๋วฯ จึงขอให้ MOHW เร่งพิจารณามาตรฐานการฝึกอบรมพยาบาลที่ดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย และจัดตั้งเกณฑ์คัดเลือกกลุ่มเป้าหมายที่จะให้บริการอย่างกระตือรือร้น ควบคู่ไปกับการส่งเสริมให้หน่วยงานการแพทย์จัดกลไกการฝึกอบรมที่เกี่ยวข้องกับการบรรเทาความทรมานจากโรคภัยและการดูแลทางการแพทย์
นอกจากนี้ กลไกการดูแลผู้สูงวัย เวอร์ชัน 3.0 มุ่งเน้นไปที่การวางแผนเสริมสร้างการดูแลทางการแพทย์ในรูปแบบเบ็ดเสร็จ ที่ยึดมนุษย์เป็นศูนย์กลาง ส่งมอบการบริการที่ครอบคลุมในด้านการส่งเสริมสุขภาพ การชะลอการสูญเสียสมรรถภาพในการทำงาน การดูแลสุขภาพ ตลอดจนการดูแลในช่วงวาระสุดท้ายของชีวิต ทั้งในเคหสถาน ชุมชน การแพทย์ สวัสดิการสังคม และหน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแลโดยตรง ภายใต้มุมมองวัฏจักร ชีวิตของมนุษย์
เมื่อคำนึงถึงแนวโน้มอายุการเกิดมะเร็งที่ลดลง และเพื่อลดอัตราการเกิดโรค ซึ่งนำไปสู่การเสียชีวิต นับตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป สำนักงานส่งเสริมสุขภาพ (Health Promotion Administration) จะผ่อนปรนกฎระเบียบว่าด้วยเงินอุดหนุนในการตรวจคัดกรองมะเร็งของประชาชนทุกช่วงอายุ ซึ่งครอบคลุมทั้งมะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งเต้านม มะเร็งปากช่องคลอด รวมไปถึงการตรวจคัดกรองเชื้อแปปิโลมา (HPV) ซึ่งประชาชนที่มีคุณสมบัติสอดคล้องกับเงื่อนไข ล้วนสามารถเข้ารับการตรวจคัดกรองได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
สำนักงานส่งเสริมสุขภาพ ภายใต้การกำกับดูแลของ MOHW เรียกร้องให้ประชาชน ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันของระบบประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อตรวจเช็คระยะเวลาในการตรวจคัดกรองรอบล่าสุด และตรวจสอบดูให้แน่ใจว่ามีคุณสมบัติที่สอดคล้องกับเงื่อนไขหรือไม่ หากใช่ ก็สามารถตรวจสอบข้อมูลในเว็บไซต์การตรวจคัดกรองมะเร็งของสถานพยาบาลทุกแห่งในไต้หวัน และนำบัตรประกันสุขภาพไปแสดงเพื่อเข้ารับการตรวจคัดกรองได้