New Southbound Policy Portal

ปธน.สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ถวายอักษรสาส์นให้แก่สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรานซิส เพื่อขานรับต่อ “แถลงการณ์วันสันติภาพสากล ปี 2568”

ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 31 ม.ค. 68
 
ระยะที่ผ่านมา ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ถวายอักษรสาส์นให้แก่สมเด็จพระสันตะปาปา ฟรานซิส (Pope Francis) ประมุขแห่งนครรัฐวาติกัน เพื่อขานรับต่อ “แถลงการณ์วันสันติภาพสากล ปี 2568”
 
สาระสำคัญของอักษรสาส์นที่ปธน.ไล่ฯ ส่งถึงสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส สรุปได้ดังนี้ :
 
กราบทูลสมเด็จพระสันตะปาปา :
 
แถลงการณ์วันสันติภาพสากล ปี 2568 ของพระองค์ ภายใต้หัวข้อ “โปรดยกบาปของเรา และส่งมอบสันติสุขที่มาจากพระเจ้าให้แก่พวกเรา” มีนัยยะเพื่อเปิดฉากการปฏิรูปทางวัฒนธรรม เพื่อส่งเสริมให้สัมพันธภาพระหว่างมนุษย์และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไม่ตกอยู่ภายใต้ "ตรรกะของการเอารัดเอาเปรียบ" หรือการกลั่นแกล้งด้วยอำนาจ แต่คือการมุ่งแสวงหาสันติสุขที่แท้จริงและยั่งยืน ซึ่งข้าพระองค์ รู้สึกชื่นชมและเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง
 
ข้าพระองค์ยึดมั่นในความตั้งใจแรกเริ่มที่ผันตัวจากเส้นทางการแพทย์มาสู่เส้นทางการเมือง เนื่องด้วยเล็งเห็นว่า “แพทย์สามารถช่วยได้ครั้งละชีวิต แต่การทำงานรับใช้แผ่นดินสามารถช่วยแก้ปัญหาความทุกข์ยากในวิถีชีวิตของภาคประชาชนได้ทีละหลายคน” ด้วยเหตุนี้ ในสุนทรพจน์ระหว่างพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี 2567 ข้าพระองค์ได้ตั้งมั่นว่า ทุกวันที่อยู่ในวาระตำแหน่ง จะครองตนตามบทบัญญัติในพระคัมภีร์ที่ระบุไว้ว่า “ประพฤติตนด้วยความยุติธรรม ให้รักความเมตตา และดำเนินชีวิตด้วยความถ่อมใจ” (มีคาห์ 6:8) และพร้อมดูแลประชาชนดุจญาติมิตร รับมอบหมายภาระจากภาคประชาชน แบกรับหน้าที่ความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ในการนำพาประเทศชาติ ให้มุ่งสู่ไต้หวันรูปโฉมใหม่ที่เป็นประชาธิปไตยและเปี่ยมสันติสุขและความรุ่งเรือง
 
ในปีใหม่นี้ สถานการณ์ระหว่างประเทศที่ผันผวน ยังคงสร้างความท้าทายที่รุนแรงต่อกลุ่มพันธมิตรแห่งประชาธิปไตยทั่วโลก ประกอบกับสงครามรัสเซีย – ยูเครนที่ยังคงดำเนินอยู่ในปัจจุบัน และการที่ทั้งจีน รัสเซีย เกาหลีเหนือและอิหร่าน ซึ่งเป็นประเทศในระบอบเผด็จการ ได้สร้างความเชื่อมโยงระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง ก่อให้เกิดความท้าทายที่รุนแรงต่อความสงบเรียบร้อยที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของกฎกติกาสากล ตลอดจนส่งผลกระทบต่อสันติภาพและเสถียรภาพ ในภูมิภาคอินโด – แปซิฟิกและประชาคมโลก
 
เฉกเช่นข้อความในแถลงการณ์ที่ระบุว่า “สงครามนำมาซึ่งหายนะต่อประชาชนทุกหมู่เหล่า” ข้าพระองค์ก็มีความเชื่ออย่างหนักแน่นว่า “สันติภาพมิสามารถประเมินค่าได้ สงครามไม่มีผู้ชนะที่แท้จริง” การปกป้องสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน นอกจากจะเป็นฉันทามติขั้นสูงของประชาคมโลกแล้ว การธำรงรักษาไว้ซึ่งวิถีชีวิตรูปแบบประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน ความเสมอภาคและเสรีภาพ ก็เป็นสิ่งที่ประชาชนยึดมั่นไว้อย่างหนักแน่น
 
นอกจากนี้ เนื้อความในแถลงการณ์ยังได้ระบุถึงการส่งมอบความช่วยเหลือของประเทศที่มีทรัพยากรเพียงพอ ไปสู่กลุ่มประเทศที่ขาดแคลน สร้างความประทับใจให้แก่ปวงชน โดยไต้หวันเป็นหนึ่งในนั้นที่มุ่งผลักดัน “การทูตเชิงค่านิยม” อย่างกระตือรือร้น พร้อมทั้งช่วยส่งเสริมการพัฒนาความเจริญรุ่งเรืองของประเทศพันธมิตร ผ่าน “โครงการสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่ประเทศพันธมิตร”
 
พร้อมกันนี้ แถลงการณ์ยังได้ระบุว่า นานาประเทศทั่วโลก “มิควรจำกัดพฤติกรรมการกุศลเฉพาะองค์การใดองค์การหนึ่ง” แต่ควรจัดตั้งศูนย์กลางทางการเงินระดับสากล เพื่อร่วมรับมือกับวิกฤตอาหารโลก หรือการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ เป็นต้น ปธน.ไล่ฯ รู้สึกชื่นชมยินดี และคาดหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นองค์การระหว่างประเทศยุติการกีดกันไต้หวันด้วยปัจจัยทางการเมือง โดยไต้หวันยินดีที่จะแบกรับหน้าที่ความรับผิดชอบควบคู่ไปกับประชาคมโลก พร้อมสร้างคุณประโยชน์และแบ่งปันประสบการณ์อันล้ำค่า ผ่านเวทีนานาชาติอย่างเต็มที่