New Southbound Policy Portal

ปธน.สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) เป็นประธานในพิธีเปิดเทศกาลโคมไฟไต้หวัน ครั้งที่ 36 ที่นำเสนอให้เห็นผลงานสร้างสรรค์อันไร้ขีดจำกัด และศักยภาพซอฟต์พาวเวอร์ของ Team Taiwan พร้อมกันนี้ รมว.กต.ไต้หวันยังได้รับเชิญให้เข้าร่วมพิธีเปิดคูหาผลงานโคมไฟจากเบลีซ และเซนต์คิตส์ – เนวิส

กระทรวงคมนาคมและกระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 12 ก.พ. 68
 
เทศกาลโคมไฟไต้หวันประจำปี 2568 เปิดฉากขึ้นที่นครเถาหยวน ซึ่งเป็นประตูเมืองของไต้หวัน เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2568 โดยพิธีเปิดถูกจัดขึ้นในช่วงค่ำเวลา 19:00 น. ได้รับเกียรติจากประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ทำหน้าที่เป็นประธานเปิดและตีลูกโฮมรัน เพื่อเป็นสัญญลักษณ์สื่อถึงการคว้าชัยชนะของ “Team Taiwan” พร้อมทั้งร่วมจุดไฟประดับโคมไฟหลัก ชื่อ “ดินแดนไร้ขีดจำกัด” โดยปธน.ไล่ฯ ได้ร่วมประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้มิตรสหายจากนานาประเทศทั่วโลก เดินทางมาท่องเที่ยวในไต้หวัน เพื่อเข้าร่วมเทศกาลโคมไฟไต้หวัน ที่ได้รับการยกย่องจากสื่อต่างชาติว่าเป็น “สวนสนุกดิสนีย์แลนด์ที่ไม่มีรถไฟเหาะ” โดยเทศกาลโคมไฟไต้หวันปีนี้มีกำหนดการจัดขึ้นไปจนถึงวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2568 ซึ่งปธน.ไล่ฯ หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นไต้หวันนำเสนอผลงานทัศนศิลป์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในหลากหลายมิติ ผ่านเทศกาลโคมไฟในครั้งนี้ เพื่อถ่ายทอดให้เห็นถึงการพัฒนาที่ยั่งยืนและความเชื่อมโยงแบบข้ามยุคสมัย
 
เทศกาลโคมไฟไต้หวันในปีนี้จัดขึ้นภายใต้หัวข้อ “แสงไฟเชื่อมโยงสรรพสิ่ง” (LIGHT CONNECT ALL) โดยได้ทำการเชื่อมโยงเอกลักษณ์ท้องถิ่นของนครเถาหยวน ผ่านผลงานโคมไฟ เพื่อสร้างบรรยากาศความน่าตื่นตาตื่นใจของการแสดงแสงสี โดยผลงานโคมไฟถูกจัดตั้งเรียงรายบริเวณลานหน้าสถานีรถไฟฟ้าเถาหยวน (A18) และพื้นที่รายรอบสถานี A19 ซึ่งเราจะสามารถพบเห็นโคมไฟหลัก 1 ชุด โคไฟรอง 2 ชุด และผลงานสร้างสรรค์ที่แบ่งออกเป็น 11 โซน รวม 300 กว่าชุด เพื่อสร้างความประทับใจให้แก่ผู้ชม
 
“โซนจัดแสดงหลัก” ครอบคลุมพื้นที่ รวม 6 โซนย่อย โดยในจำนวนนี้ “เกาะแห่งแสงประทีป” จะนำพาบรรดาผู้ชมเข้าสำรวจบรรยากาศทั้ง 4 ฤดูกาลและเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของไต้หวัน “ดินแดนความสุข” นำเสนอให้เห็นถึงการเดินทางอันแสนผจญภัย นำพาพวกเราย้อนกลับสู่ช่วงวัยเยาว์อีกครั้ง ส่วน “โคมไฟนานาชาติ” ได้ประยุกต์ใช้ “ต้นไม้แห่งความหวัง” สื่อให้เห็นถึงการส่งมอบคำอวยพรที่เปี่ยมสันติภาพ และสื่อถึงการผนึกกำลังร่วมกันระหว่างประชาคมโลก “กระแสเทคโนโลยี” ประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI , AR และ VR ผสมผสานเข้ากับหัวข้อที่เป็นประเด็นร้อนอย่าง “เบสบอล” นำเสนอให้เห็นถึงความงดงามของไต้หวัน สำหรับโซนจัดแสดงในชื่อ “ไต้หวันที่ยั่งยืน” ได้ประยุกต์ใช้เทคนิคการจักสานไม้ไผ่และวัสดุหมุนเวียน เพื่อขานรับต่อเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ของสหประชาชาติ สุดท้าย “ช่างฝีมือดาวรุ่ง” เป็นโซนจัดแสดงผลงานที่ผสมผสานระหว่างศิลปะแบบดั้งเดิม ให้เข้ากับองค์ประกอบในพื้นที่ เพื่อส่งเสริมให้ศิลปะโคมไฟไต้หวัน ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ในพื้นที่ยังจัดให้มีโคมไฟที่ร่วมกันสร้างสรรค์โดยศิลปินชาวต่างประเทศและชาวต่างชาติในกลุ่มมิตรประเทศ เพื่อสื่อถึงการแลกเปลี่ยนและความร่วมมืออันดีงามระหว่างกัน
 
โคมไฟหลักในชื่อ “ดินแดนไร้ขีดจำกัด” เป็นผลงานสร้างสรรคของนายหลี่หมิงเต้า (AKIBO) ศิลปินชาวไต้หวัน ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรถไฟเหาะและสวนน้ำในสวนสนุก ประยุกต์ใช้สัญญลักษณ์อินฟินิตี้ (∞) ผนวกเข้ากับรูปทรงกลมและรูปทรงเรขาคณิต สรรค์สร้างจนเกิดเป็นภาพลักษณ์สวนสนุกในอนาคต ที่เปี่ยมด้วยศักยภาพทางเทคโนโลยี ซึ่งการแสดงของโคมไฟหลักในปีนี้ มีความท้าทายกว่าครั้งที่ผ่านๆ มา นอกจากจะประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI อันทันสมัยแล้ว ดนตรีประกอบการแสดงก็ยังมีความแตกต่างและโดดเด่นกว่าที่ผ่านมาด้วย โดยเป็นผลงานที่ Ms. Ching-Shan Chang นักประพันธ์เพลงชาวไต้หวันที่พำนักในสหรัฐฯ ประสานความร่วมมือในการสร้างสรรค์ผลงานเพลงกับวงคอนแชร์โตบูดาเปสต์ซิมโฟนีออเคสตรา (Budapest Symphony Orchestra) แสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ ผสมผสานระหว่างดนตรีคลาสสิกและดนตรีประกอบการแสดงผลงาน ผ่านการประสานความร่วมมือระหว่างศิลปินที่กระจายตัวอยู่ใน 3 ทวีปทั่วโลก
 
เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน ในปีนี้ กระทรวงคมนาคม (Ministry of Transportation and Communication, MOTC) จึงได้จับมือกับบริษัทการรถไฟแห่งไต้หวันในการเปิดตัวขบวนรถไฟลวดลายใหม่ในชื่อ “Have a Trip With Champion!” ที่ให้บริการในเส้นทางระหว่างเมืองจีหลง – เมืองเจียอี้ ในช่วงระหว่างวันที่ 15 มกราคมจนถึง 30 มิถุนายน 2568 นอกจากนี้ MOTC ยังได้ประสานความร่วมมือกับบริษัทรถไฟฟ้ามหาชนเถาหยวน เพื่อสร้างสรรค์ขบวนรถไฟ Have a trip with happy peach ด้วยลวดลายลูกพีชจากภูเขาลาลาซาน และเป็นครั้งแรกที่ได้มีการใช้เทคโนโลยี AI มาเชื่อมโยงให้ขบวนรถไฟดังกล่าว สร้างปฏิสัมพันธ์กับผลงานโคมไฟในโซน “กาล-อวกาศ” เพื่อส่งเสริมให้ผู้โดยสารสัมผัสกับบรรยากาศของเทศกาลได้ในทันทีที่ขึ้นโดยสารรถไฟฟ้า
 
นอกจากเทศกาลโคมไฟสุดอลังการแล้ว กรมการท่องเที่ยวยังได้จัดรวบรวม “ไฮไลท์การท่องเที่ยวไต้หวัน 100 รายการ” เพื่อประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ในนครเถาหยวน พร้อมกันนี้ ยังได้มีการผลักดันโปรโมชั่นส่วนลด 70% สำหรับรถบัสการท่องเที่ยวไต้หวันที่จำกัดเฉพาะช่วงเทศกาล โดยหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะส่งเสริมให้เทศกาลโคมไฟ เชื่อมโยงไปสู่เวทีนานาชาติ แสดงให้เห็นถึงค่านิยมท้องถิ่น และเพื่อส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวจากทั้งในและต่างประเทศ ได้สัมผัสกับมนต์เสน่ห์ของไต้หวันที่เพรียบพร้อมไปด้วยศักยภาพทางนวัตกรรม เทคโนโลยีในเชิงวัฒนธรรม
 
งานโคมไฟไต้หวันในปีนี้ ยังสามารถพบเห็นโคมไฟที่เป็นผลงานจากประเทศพันธมิตรของไต้หวัน อย่างเบลีซ และเซนนต์คิตส์ – เนวิส ซึ่งนายหลินเจียหรง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้รับเชิญให้เข้าร่วมพิธีจุดไฟประดับโคมไฟของทั้ง 2 ประเภทศข้างต้น เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างไต้หวัน และ 2 ประเทศพันธมิตร อีกทั้งยังเป็นการร่วมฉลองเทศกาลหยวนเซียวไปพร้อมๆ กัน
 
ในระหว่างการเข้าร่วมพิธีจุดไฟประดับที่โคมไฟของเบลีซ รมว.หลินฯ ได้แสดงความขอบคุณต่อ Dr. Candice Pitts เอกอัครราชทูตเบลีซประจำไต้หวัน และนายจางซ่านเจิ้ง ผู้ว่าการเทศบาลนครเถาหยวน ที่มุ่งผลักดันความเชื่อมโยงระหว่างไต้หวัน – เบลีซ อย่างไม่ย่อท้อ ซึ่งเมื่อเดือนตุลาคม 2567 ที่ผ่านมา นับเป็นครั้งที่ 4 ที่รมว.หลินฯ ได้เดินทางเยือนเบลีซ เพื่อเป็นสักขีพยานในความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศ ที่ดำเนินมานานกว่า 30 ปี ตลอดจนร่วมสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างเจ้าหน้าที่ภาครัฐระดับสูง โดยหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นทั้งสองฝ่ายมีผลสัมฤทธิ์ที่เกิดจากความร่วมมืออย่างใกล้ชิดในด้านต่างๆ ในอนาคตต่อไป
 
Dr. Pitts ได้กล่าวย้ำถึงความสัมพันธ์ทางการทูตอันแน่นแฟ้นของทั้งสองฝ่ายที่ดำเนินมาเป็นระยะเวลา 36 ปี พร้อมหวังที่จะเห็นชาวไต้หวัน ร่วมเดินทางไปท่องเที่ยวที่เบลีซ
 
นอกจากนี้ ในระหว่างที่รมว.หลินฯ เข้าร่วมพิธีโคมไฟของเซนต์คิตส์ – เนวิส ก็ชี้ว่า เซนต์คิตส์ – เนวิส ร่วมเป็นกระบอกเสียงให้ไต้หวันบนเวทีนานาชาติอย่างหนักแน่นมาเป็นเวลานาน นับเป็นมิตรสหายที่แข็งแกร่งของไต้หวัน โดยทั้งสองฝ่ายต่างมุ่งประสานความร่วมมือกัน ทั้งด้านการศึกษา การเกษตร การแพทย์และการส่งเสริมสิทธิสตรี เป็นต้น นอกจากโคมไฟของเซนต์คิตส์ที่นำมาจัดแสดงในครั้งนี้ จะส่องสว่างไปทั่วในยามค่ำคืนในนครเถาหยวนแล้ว ยังเป็นสัญญลักษณ์ที่สื่อถึงความหวังที่สุกสว่างในด้านความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน – เซนต์คิตส์ อีกด้วย  
 
Mr. Donya Francis เอกอัครราชทูตเซนต์คิตส์และเนวิสประจำไต้หวัน กล่าวว่า โคมไฟของเซนต์คิตส์ได้ผสมผสานระหว่างองค์ประกอบเฉพาะของทวีปแอฟริกาและยุโรป แสดงให้เห็นถึงการสืบสานทางวัฒนธรรมของเซนต์คิตส์ พร้อมกันนี้ Mr. Francis ยังได้แสดงความชื่นชมต่อรัฐบาลไต้หวัน ในการผลักดันแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนนานาชาติอย่างเทศกาลโคมไฟ โดยหวังเป็นอย่างยิ่งที่ผลงานสร้างสรรค์ของไต้หวัน จะถูกนำไปจัดแสดงในเซนต์คิตส์ด้วยเช่นกัน