New Southbound Policy Portal
กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 6 มี.ค. 68
เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2568 นายอู๋จื้อจง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ได้ให้สัมภาษณ์แก่ Mr. Cagan Koc ผู้อำนวยการสำนักข่าว Bloomberg News ที่ประจำการในเนเธอร์แลนด์ โดยเนื้อหาบทสัมภาษณ์ได้รับการตีพิมพ์ เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2568 ภายใต้หัวข้อ “หลังสถานการณ์ยูเครน ไต้หวันหวังเสริมสร้างความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงในเชิงลึกกับสหรัฐฯ” (Taiwan is Praying for Stronger US Ties After Ukraine Fallout) โดยรมช.อู๋ฯ เน้นย้ำว่า ไต้หวันนอกจากจะมุ่งยกระดับศักยภาพทางกลาโหมด้วยการพึ่งพาตนเองแล้ว ยังเรียกร้องให้กลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน เฝ้าจับตาต่อสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน ตลอดจนคาดหวังที่จะเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางความร่วมมือด้านความมั่นคงในเชิงลึกกับสหรัฐฯ
รมช.อู๋ฯ กล่าวว่า เมื่อเผชิญหน้ากับภัยคุกคามจากจีน ไต้หวันมุ่งยกระดับศักยภาพทางกลาโหมด้วยการพึ่งพาตนเอง ควบคู่ไปกับการติดต่อขอซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จากสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์แบบทวิภาคีระหว่างกันในเชิงลึก โดยประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) ประกาศว่าจะจัดสรรงบประมาณทางกลาโหมของไต้หวัน ให้เพิ่มสูงขึ้นถึงสัดส่วนร้อยละ 3 ของ GDP เพื่อแสดงให้ประชาคมโลกมองเห็นความมุ่งมั่นตั้งใจในการปกป้องอำนาจอธิปไตยของไต้หวัน
เมื่อระบุถึงความร่วมมือด้านความมั่นคงกับสหรัฐฯ รมช.อู๋ฯ กล่าวว่า ไต้หวัน – สหรัฐฯ สามารถจัดตั้งความสัมพันธ์ทางความมั่นคงที่แนบแน่นระหว่างกัน ในรูปแบบไม่เป็นทางการ ซึ่งนอกจากจะเป็นการเสริมสร้างความร่วมมือแบบทวิภาคีของทั้งสองฝ่ายแล้ว ยังเป็นการประกาศสัญญาณแจ้งเตือนต่อรัฐบาลจีนอย่างเปิดเผยว่า อย่าได้รุกรานไต้หวันโดยพลการ
ต่อประเด็นอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และกลยุทธ์ระหว่างประเทศ รมช.อู๋ฯ เน้นย้ำถึงข้อได้เปรียบ “เกราะป้องกันซิลิคอน” (Silicon Shield) ของไต้หวัน พร้อมทั้งชี้แจงว่า อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของไต้หวัน มีความสำคัญต่อระบบห่วงโซ่อุปทานโลกเป็นอย่างมาก โดยพวกเราจะประสานความร่วมมือกับกลุ่มประเทศที่เกี่ยวข้อง ปรับเปลี่ยนนโยบายให้เหมาะสมและสอดรับต่อสถานการณ์ระหว่างประเทศ นอกจากนี้ รมช.อู๋ฯ ยังเน้นย้ำว่า ประชาคมโลกต่างพึ่งพาอาศัยแผ่นชิปที่ผลิตโดยไตหวัน ด้วยเหตุนี้ การธำรงรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค จึงมีส่วนเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของทุกประเทศทั่วโลก
ส่วนในประเด็นความทะเยอทะยานของจีนที่ต้องการจะเข้ารุกรานไต้หวัน รมช.อู๋ฯ เน้นย้ำว่า ไต้หวันจะมุ่งเสริมสร้างความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนกับสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการคว้าเสียงสนับสนุนจากประชาคมโลกที่มีต่อสถานภาพเดิมในพื้นที่ภูมิภาค เพื่อธำรงรักษาไว้ซึ่งสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวันให้คงอยู่อย่างยั่งยืน นอกจากนี้ รมช.อู๋ฯ ยังได้ยื่นเสนอมาตรการ “Not Today” โดยหวังที่จะทำให้จีนตระหนักว่า “วันนี้มิใช่วันที่จะบุกไต้หวัน” ซึ่งในปัจจุบัน พวกเราได้จัดวางระบบสกัดขีปนาวุธไว้อย่างครอบคลุม และกำลังมุ่งสร้างเรือดำน้ำภายในประเทศ ควบคู่ไปกับการติดต่อขอซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จากสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนหลีกเลี่ยงมิให้จีนอาศัยข้ออ้างใดๆ มากระทำการรุกรานต่อไต้หวัน ทั้งนี้ ก็เพื่อต้องการให้จีนตระหนักเห็นว่า การบุกโจมตีไต้หวันมิใช่ตัวเลือกที่ชาญฉลาด