New Southbound Policy Portal

ปธน.ไล่ชิงเต๋อเดินทางเยือนศูนย์อวกาศแห่งชาติ เพื่อเข้าตรวจการณ์สถานการณ์ความคืบหน้าของ “ดาวเทียม Formosat-8” และผลสัมฤทธิ์ตามโครงการส่งเสริมอุตสาหกรรม

ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 15 พ.ค. 68
 
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 15 พฤษภาคม 2568 ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำไต้หวัน ได้เดินทางเยือนศูนย์อวกาศแห่งชาติ (Taiwan Space Agency, TASA) ที่ตั้งอยู่ในเมืองซินจู๋ เพื่อเข้าตรวจการณ์สถานการณ์ความคืบหน้าของ “ดาวเทียม Formosat-8” และผลสัมฤทธิ์ตามโครงการส่งเสริมอุตสาหกรรม โดยปธน.ไล่ฯ กล่าวว่า  “ดาวเทียม Formosat-8” ถือเป็นหลักชัยสำคัญในการพิชิตสู่ห้วงอวกาศของไต้หวัน และเป็นโครงการแรกใน “แผนพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศระยะยาว เฟส 3” ในอนาคต รัฐบาลจะจัดสร้างดาวเทียวที่ผลิตในประเทศ และวางรากฐานระบบดาวเทียมหลายวงโคจรเพื่อการติดต่อสื่อสารสำหรับยุคสมัยใหม่อย่างกระตือรือร้น ควบคู่ไปกับการยกระดับความทรหดทางดิจิทัลของประเทศชาติ และผลักดัน “โครงการดาวเทียมเพื่อการสื่อสารในรูปแบบวงโคจรต่ำ B5G” ทั้งนี้ เพื่อไว้รับมือกับความต้องการด้านการเปลี่ยนผ่านของภาคอุตสาหกรรม วิถีชีวิตรูปแบบอัจฉริยะ และความมั่นคงแห่งชาติ เป็นต้น
 
ปธน.ไล่ฯ กล่าวขณะปราศรัยว่า เมื่อปีที่แล้ว ในระหว่างการแสดงสุนทรพจน์เนื่องในพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งผู้นำไต้หวันตนได้ระบุเกี่ยวกับ 3 ทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมของไต้หวัน พร้อมแถลงว่า โครงการอวกาศถือเป็นไฮไลท์สำคัญของนโยบายแห่งชาติในอนาคต จึงขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมุ่งวิจัยพัฒนา ผลิต สร้าง และมุ่งมั่นทุ่มเทในภารกิจหน้าที่ของตนอย่างต่อเนื่อง
 
ปธน.ไล่ฯ ชี้แจงเพิ่มเติมว่า 3 ทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศชาติ ที่ระบุไว้ข้างต้น ประกอบด้วย ทิศทางแรกคือ “มองไปข้างหน้า ความยั่งยืนในรูปแบบอัจฉริยะ” ซึ่ง “การมองไปข้างหน้า” สื่อถึงการพัฒนา การผลักดันและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอย่างไม่หยุดยั้ง ส่วน “อัจฉริยะ” ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการก้าวสู่ยุคสมัยอัจฉริยะระดับโลก ซึ่ง AI มีบทบาทที่สำคัญเป็นอย่างมาก โดยพวกเราจะผลักดันให้ไต้หวันก้าวสู่การเป็นประเทศอัจฉริยะต่อไป สำหรับ “ความยั่งยืน” คือการที่พวกเราต้องอาศัยการเปลี่ยนผ่านสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ และการเปลี่ยนผ่านในยุคดิจิทัล มาช่วยส่งเสริมการยกระดับของอุตสาหกรรม ควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพชีวิตของภาคประชาชน
 
ทิศทางที่สองคือ “การแข่งขันอวกาศ สำรวจมหาสมุทร” ส่วนทิศทางสุดท้ายคือ “การวางรากฐานที่มั่นคงในไต้หวัน แผ่ขยายไปสู่ประชาคมโลก ประชาสัมพันธ์สู่เวทีนานาชาติ”
 
ปธน.ไล่ฯ ระบุว่า ในวาระที่ตนดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีไต้หวัน ได้ทำการอนุมัติ “แผนพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศระยะยาว เฟส 3” โดยปธน.ไล่ฯ ตั้งปณิธานไว้ว่า จะสืบสานและปรับเปลี่ยนแผนการดังกล่าวให้มีความสอดรับต่อสถานการณ์ในปัจจุบันต่อไป ทั้งนี้ ภารกิจการสำรวจอวกาศ ถือเป็นความใฝ่ฝันร่วมกันของมวลมนุษยชาติ ตราบจนปัจจุบัน เทคโนโลยีและอุตสาหกรรมอวกาศ ได้กลายมาเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์การพัฒนาที่เจริญรุ่งเรืองรุ่งเรืองในระดับโลก โดยเฉพาะระบบโทรมาตร ระบบสารสนเทศและระบบนำทางของอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีอวกาศ ที่ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญในโครงสร้างขั้นพื้นฐานที่มีความยืดหยุ่นที่ประเทศในยุคสมัยใหม่ ไม่สามารถขาดได้
 
ปธน.ไล่ฯ แสดงทรรศนะว่า ไต้หวันนอกจากจะต้องจับทิศทางกระแสโลกแล้ว ยังต้องประยุกต์ใช้ข้อได้เปรียบทางเทคโนโลยีของตน ในการสวมบทบาทสำคัญในระบบห่วงโซ่อุตสาหกรรมเทคโนโลยีอวกาศ และที่สำคัญคือต้องส่งเสริมให้ความใฝ่ฝันด้านอวกาศของมวลมนุษยชาติ ได้รับการพัฒนาและเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งในไต้หวัน
 
ปธน.ไล่ฯ กล่าวว่า “ดาวเทียม Formosat-8” ถือเป็นหลักชัยสำคัญในการแข่งขันอวกาศ ซึ่งการก่อกำเนิดของ “ดาวเทียม Formosat-8” ตั้งแต่การออกแบบ การผลิตและการทดสอบแบบบูรณาการ นอกจากจะมีหน่วยงานภาคอุตสาหกรรม วิชาการและการวิจัย รวมกว่า 20 รายเข้าร่วมแล้ว ยังมีชิ้นส่วนอะไหล่สำคัญในสัดส่วนกว่าร้อยละ 84 ที่มุ่งวิจัยพัฒนาโดยทีมผู้เชี่ยวชาญในประเทศ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพการบูรณาการภายในประเทศที่อัดแน่นไปด้วยขีดความสามารถที่เหลือล้น ทั้งนี้ เพื่อเป็นการปูทางไปสู่การจัดสร้างระบบห่วงโซ่อุตสาหกรรมอวกาศของไต้หวันอย่างมีเสถียรภาพต่อไป
 
ปธน.ไล่ฯ กล่าวว่า ในอนาคต หลังจากที่ดาวเทียม Formosat-8 จำนวน 8 ดวง ทยอยเข้าสู่วงโคจรแล้ว พวกเราจะทำการจัดตั้งระบบโทรมาตรเชิงทัศนศาสตร์ที่มีความละเอียดคมชัดที่ครอบคลุมทั่วโลก และสามารถบันทึกภาพได้อย่างต่อเนื่องในแต่ละวัน ซึ่งจะสามารถยกระดับความสามารถในการเก็บบันทึกภาพในภาคพื้นดิน และนำมาประยุกต์ใช้ในทิศทางเชิงกว้าง ทั้งในด้านความมั่นคงของประเทศชาติ การเฝ้าติดตามตรวจสอบคุณภาพของสิ่งแวดล้อม และการรับมือกับภัยพิบัติ อันจะเป็นการเสริมสร้างความทรหดทางความมั่นคงให้แก่ไต้หวันในอีกขั้น และที่สำคัญคือ เทคโนโลยีและประสบการณ์การพัฒนาที่สั่งสมมา ตลอดช่วงเวลานี้ สามารถผนวกเข้ากับข้อได้เปรียบทางอุตสาหกรรมของไต้หวันที่มีอยู่เดิม ทั้งระบบสารสนเทศ เครื่องจักรกลแม่นยำและเครื่องจักรกลไฟฟ้า เพื่อเตรียมความพร้อมให้แก่อุตสาหกรรมอวกาศของไต้หวัน ในการรุกขยายสู่ตลาดอวกาศนานาชาติ อย่างมีเสถียรภาพต่อไป
 
ปธน.ไล่ฯ กล่าวว่า ในลำดับต่อไป รัฐบาลจะมุ่งผลักดัน“แผนพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศระยะยาว เฟส 3” อย่างมุ่งมั่นต่อเนื่อง ผ่านการบัญญัติกฎหมาย งบประมาณและบุคลากร เป็นต้น ซึ่งนอกจากจะทำการผลิตดาวเทียมภายในประเทศแล้ว พวกเรายังจะมุ่งเสริมสร้างความร่วมมือกับประชาคมโลกอย่างกระตือรือร้น เพื่อยกระดับความทรหดทางดิจิทัลของประเทศชาติ
 
ปธน.ไล่ฯ แถลงว่า เทคโนโลยีอวกาศถือเป็นความท้าทายระยะยาว และมีส่วนเกี่ยวพันกับการยกระดับอุตสาหกรรมและความมั่นคงแห่งชาติของไต้หวัน จึงหวังที่จะเห็นทุกคนผนึกกำลังกันอย่างสามัคคี ในการดำเนินภารกิจการตรวจวัดคุณภาพสิ่งแวดล้อมและการทดสอบระบบกลไกการทำงานของ “ดาวเทียม Formosat-8” ให้แล้วเสร็จภายในปลายเดือนมิถุนายนนี้