New Southbound Policy Portal
สภาบริหาร วันที่ 29 พ.ค. 68
เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2568 นายจั๋วหรงไท่ นายกรัฐมนตรีไต้หวันได้ให้การต้อนรับ “คณะตัวแทนเยาวชนไต้หวันที่เข้าร่วมการแข่งขันการสร้างพลังงานลมระดับสากล KidWind 2025” โดยนรม.จั๋วฯ กล่าวว่า คณะตัวแทนเยาวชนไต้หวัน ภายใต้การชี้แนะของประธานและเจ้าหน้าที่สมาคมด้านพลังงานและการศึกษาเชิงวิทยาศาสตร์ในภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิก (Asia-Pacific Energy & Science Education Association, AESEA) สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศในกลุ่มนักเรียนระดับประถมศึกษา และมัธยมศึกษาตอนปลาย รวมถึงรางวัลชมเชยจากคณะกรรมการในกลุ่มนักเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย จากเยาวชนทั่วโลกกว่า 500 คนที่แท็กทีมกันมาเป็นจำนวนรวม 131 กลุ่ม
นรม.จั๋วฯ ระบุว่า “การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ครั้งที่ 2” ที่ผลักดันโดยประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำไต้หวัน มุ่งเน้นการพัฒนา “พลังงานสีเขียวในมิติที่หลากหลาย” เป็นภารกิจอันดับต้นๆ ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการประหยัดพลังงาน การกักเก็บพลังงานด้วยเทคโนโลยี และการเสริมสร้างความมั่นคงและความยืดหยุ่นของเครือข่ายไฟฟ้าทั่วประเทศ นรม.จั๋วฯ กล่าวว่า เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์หมายเลข 2 ของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์แห่งที่ 3 ที่ตั้งอยู่ในเมืองผิงตง ปลดประจำการแล้วเมื่อค่ำวันที่ 17 พฤษภาคมที่ผ่านมา แหล่งกำเนิดพลังงานหลักของไต้หวันในปัจจุบัน มาจากก๊าซธรรมชาติเหลว ถ่านหินและพลังงานสีเขียว โดยในจำนวนนี้ “การผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานสีเขียว” ครอบคลุมทั้งพลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานน้ำ ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็ยังมุ่งวิจัยด้านพลังงานความร้อนใต้พิภพ ซึ่งหากประสบความสำเร็จในอนาคต คาดว่าจะเป็นแหล่งพลังงานสำรองขนาดใหญ่ของไต้หวัน
นรม.จั๋วฯ ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ไต้หวันมีสภาพแวดล้อมที่ตั้งทางภูมิศาสตร์และเงื่อนไขที่เหมาะสมแก่การพัฒนา “พลังงานลมนอกชายฝั่ง” ด้วยเหตุนี้ พื้นที่ทางภาคตะวันตกของไต้หวัน จึงเป็นฐานที่ตั้งฟาร์มกังหันลมนอกชายฝั่งที่มีคุณภาพที่สุดในระดับสากล เฉพาะในปี 2567 กำลังการผลิตที่เกิดจากระบบโซล่าเซลล์แบบออนกริด (On-Grid System) สั่งสมได้รวม 1.783 GW ก้าวขึ้นสู่ผู้นำของพันธมิตรด้านประชาธิปไตยทั่วโลก ในปัจจุบัน ทั่วทุกพื้นที่ในไต้หวันได้มีการติดตั้งอุปกรณ์กังหันลมแล้ว เป็นจำนวนกว่า 394 ตัว ซึ่งสามารถสั่งสมกำลังการผลิตได้รวม 3.3 GW และถูกจัดให้อยู่ในอันดับ 5 ของโลก โดยในทุกปี สามารถป้อนพลังงานไฟฟ้าให้แก่ 3.078 ล้านครัวเรือน คาดว่าในปีนี้ จะมีการทยอยจัดตั้งฟาร์มกังหันลมนอกชายฝั่งเพิ่มขึ้นอีก นรม.จั๋วฯ กล่าวว่า รัฐบาลจะมุ่งแสวงหาแนวทางในการคว้าสิทธิการใช้พื้นที่เพื่อกิจการการสร้างฟาร์มกังหันลม และจะเข้าตรวจสอบสภาพแวดล้อมและดำเนินภารกิจตามขั้นตอนกระบวนการ เพื่อมุ่งพิชิตเป้าหมาย “การผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานสีเขียว ในสัดส่วนร้อยละ 20 ภายในปี 2569”
นรม.จั๋วฯ ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ไม่ว่าจะเป็นการเข้าจัดตั้งโรงงานในไต้หวันของผู้ประกอบการต่างชาติรายใหญ่ หรือการรุกขยายตลาดนานาชาติของผู้ประกอบการไต้หวัน ก็จำเป็นต้องมีคุณสมบัติสอดคล้องในการประยุกต์ใช้พลังงานสีเขียวหรือพลังงานสะอาดในปริมาณมหาศาล ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลจึงจะมุ่งผลักดันการพัฒนาพลังงานสีเขียวในมิติที่หลากหลาย เพื่อหวังจะเชื่อมโยงกับประชาคมโลก ด้วยกระแสความก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมและการพัฒนาทางเทคโนโลยี เชื่อว่าจะเกิดความคืบหน้าในการพัฒนาพลังงานสีเขียวในมิติที่หลากหลายอย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น โดยเยาวชนที่มารวมตัวกันในวันนี้ จะก้าวสู่การเป็นบุคลากรเมล็ดพันธุ์ใน “คลังบุคลากรทรัพยากรสีเขียว” ของไต้หวันต่อไปในอนาคต
นรม.จั๋วฯ แถลงว่า เพื่อส่งเสริมให้เยาวชนก้าสู่เวทีนานาชาติ ในการสานฝันให้เป็นจริง กระทรวงศึกษาธิการไต้หวันจึงมุ่งผลักดัน “โครงการกองทุนสานฝันเยาวชนในต่างแดนมูลค่าหมื่นล้านเหรียญ” ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก ได้แก่ “กลุ่มสานฝัน” และ “กลุ่มฝันที่เป็นจริงในต่างแดน” ซึ่งประเภทแรกเป็นการเปิดโอกาสให้เยาวชนในช่วงอายุ15 – 30 ปี ยื่นเสนอแผนการสานฝัน โดยศธ.ไต้หวันจะเป็นผู้ชี้แนะและผลักดันให้เยาวชนเดินทางเข้าเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ในต่างแดน ซึ่งในรอบแรก ศธ.ไต้หวันได้ทำการคัดเลือกเยาวชน 54 ราย จากจำนวน 296 รายที่ยื่นลงทะเบียนขออนุมัติ ส่วนประเภทที่สอง เป็นการบูรณาการทรัพยากรจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชน ด้วยการวางแผนให้เยาวชนยื่นขออนุมัติการเข้าฝึกงานและฝึกอบรมในองค์การนานาชาติ มูลนิธิหรือคลังสมอง ซึ่งเราได้ทำการคัดเลือกเยาวชน รวม 613 จากจำนวน 4,184 รายที่ยื่นลงทะเบียนขออนุมัติ
ลำดับต่อไปเป็นกล่าวปราศรัยของนายโจวเจี้ยนเหิง ประธาน AESEA กล่าวขณะปราศรัยว่า สมาคม AESEA เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบจัดกิจกรรมการแข่งขันการสร้างพลังงานลมในภูมิภาคเอเชียขึ้น ภายใต้ชื่อ KidWind ซึ่งมีเพียงผู้ชนะเลิศจากแต่ละประเทศในภูมิภาคเอเชีย - แปซิฟิกเท่านั้น จึงจะมีคุณสมบัติในการเข้าร่วมการแข่งขันระดับภูมิภาค และจะมีเพียงผู้ชนะเลิศในการแข่งขันระดับภูมิภาค จึงจะได้รับสิทธิเข้าร่วมการแข่งขันระดับสากล KidWind 2025 ที่จัดขึ้นในสหรัฐฯ การที่คณะตัวแทนไต้หวันคว้ารางวัลยอดเยี่ยมมากมายมาครอง จากการเข้าร่วมในครั้งนี้ เป็นบทพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เยาวชนไต้หวันเป็นยอดฝีมือที่มีความเก่งกล้าสามารถ อีกทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและพลังความสดใสของเหล่าเยาวชนไต้หวัน ในการเอาชนะความยากลำบาก และมุ่งสู่การพัฒนาในระยะยาว
พันธกิจของสมาคม AESEA คือการขานรับนโยบายของรัฐบาล บ่มเพาะบุคลากรในสัดส่วนที่เพิ่มมากขึ้น และมุ่งสั่งสมศักยภาพเชิงบวกนานาประการ เพื่อผลักดันให้โครงการพลังงานสีเขียวของไต้หวัน สำแดงประสิทธิภาพอย่างเต็มกำลัง โดยในอนาคต สมาคม AESEA จะยังคงมุ่งมั่นจัดการแข่งขัน KidWind ระดับภูมิภาคเอเชีย เพื่อสร้างเวทีที่นำเสนอให้เห็นถึงขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีของทีมงานยอดเยี่ยม ทั้งนี้ เพื่อสวมบทบาทในการทอดสะพานสำคัญในการเสวนาแนวคิดด้านการศึกษา และอุตสาหกรรมพลังงานสีเขียว ระหว่างไต้หวัน สหรัฐฯ และกลุ่มมิตรประเทศในภูมิภาคเอเชีย - แปซิฟิก