New Southbound Policy Portal

พิพิธภัณฑ์สิทธิมนุษยชนแห่งชาติไต้หวัน จัดกิจกรรมเสวนาแบ่งปันผลงานของ Mr. Frédéric Lemaître นักเขียนชาวฝรั่งเศสที่เข้าประจำการสร้างสรรค์ผลงานในอุทยานรำลึกเหตุการณ์ความน่าสะพรึงสีขาวเขตจิ๋งเหม่ย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปิดการอภิปรายสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนของจีน และเสรีภาพขั้นพื้นฐานในยุคดิจิทัล

กระทรวงวัฒนธรรม วันที่ 9 มิ.ย. 68
 
เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 7 มิถุนายน 2568 พิพิธภัณฑ์สิทธิมนุษยชนแห่งชาติไต้หวัน (NHRM) และสำนักงานตัวแทนรัฐบาลฝรั่งเศสประจำกรุงไทเป (BFT) ร่วมจัดกิจกรรมเสวนาแบ่งปันผลงานของศิลปินต่างชาติที่สร้างสรรค์ขึ้นในไต้หวัน ณ บริเวณชั้น 2 ของศูนย์ให้บริการในอุทยานรำลึกเหตุการณ์ความน่าสะพรึงสีขาวเขตจิ๋งเหม่ย โดยในครั้งนี้ ได้ติดต่อเชิญ Mr. Frédéric Lemaître นักเขียนชาวฝรั่งเศส เปิดการอภิปรายในประเด็นสถานการณ์ด้านสิทธิมนุษยชนในจีน และเสรีภาพขั้นพื้นฐานในยุคดิจิทัล ภายใต้หัวข้อ “เสรีภาพยังสำคัญอยู่หรือไม่ ?” พร้อมกันนี้ Mr. Lemaître ยังได้ร่วมแบ่งปันข้อคิดเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนในจีนและทั่วโลก ที่เขาเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดเสมอมา ซึ่งประสบความสำเร็จในการดึงดูดภาคประชาชนที่ให้ความสนใจต่อประเด็นเสรีภาพและสิทธิมนุษยชน เข้าร่วมรับฟังกันอย่างคับคั่ง
 
หลังจากที่ BFT – NHRM ได้ร่วมลงนาม “ข้อตกลงทางความร่วมมือในการส่งเสริมให้ศิลปินต่างชาติเข้ามาสร้างสรรค์ผลงานในเกาะฟอร์โมซา” ไปในปี 2568 ปีนี้จึงได้มีการยื่นเสนอรายชื่อของ Mr. Lemaître ให้เข้ามาประจำการสร้างสรรค์ผลงานใน NHRM ก่อนหน้านี้ Mr. Lemaître เคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้สื่อข่าวของหนังสือพิมพ์ Le Monde ของฝรั่งเศส มาเป็นเวลานานกว่า 30 ปี โดยได้เรียบเรียงผลงานหนังสือหลายเล่มที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและฝรั่งเศส ในช่วงระหว่างปี 2553- 2559 Mr. Lemaître ได้รับมอบหมายให้เข้าประจำการในเยอรมนี และในช่วงระหว่างปี 2561 – 2566 Mr. Lemaître ก็ได้รับมอบหมายให้เข้าประจำการในกรุงปักกิ่ง โดยในระหว่างนั้น Mr. Lemaître ได้มีโอกาสเดินทางเยือนไต้หวันเป็นจำนวนบ่อยครั้ง และเฝ้าติดตามประเด็นการเมืองและสังคมของไต้หวันอย่างใกล้ชิด
 
 “CINQ ANS DANS LA CHINE DE XI JINPING” (หรือที่แปลว่า ตลอด 5 ปีของผมที่ใช้ชีวิตในจีน ภายใต้การปกครองของผู้นำสีจิ้นผิง) ผลงานใหม่ล่าสุดของ Mr. Lemaître ที่ตีพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ Tallandier เมื่อเดือนมกราคม 2567 ประสบความสำเร็จในการคว้ารางวัล Jean Lacouture อันทรงเกียรติระดับประเทศมาครอง
 
ในระหว่างการเสวนา Mr. Lemaître ได้หยิบยกประเด็นสิทธิมนุษยชนของจีน มาร่วมชี้แจง โดยได้แสดงความรู้สึกแคลงใจต่อแนวคิดของลัทธิอำนาจนิยมที่เน้นย้ำว่า “จุดเริ่มต้นของสิทธิมนุษยชนคือสิทธิทางเศรษฐกิจ” โดย Mr. Lemaître ได้ระบุอ้างอิงเอกสารฉบับที่ 9 ที่ปธน.สีจิ้นผิง ได้ประกาศเปิดตัวในระหว่างที่ท่านยังดำรงตำแหน่งเป็นเลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีน พร้อมชี้แจงว่า ภายใต้การบริหารของปธน.สีฯ เสรีภาพขั้นพื้นฐานของจีน ก้าวเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นการแสดงความคิดเห็นของพรรคฝ่ายค้าน เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นหรือเสียงของภาคประชาสังคมพลเรือน ต่างถูกตีกรอบจำกัดไว้อย่างเข้มงวด อย่างไรก็ตาม ภาคประชาสังคมจีนยังคงมีพื้นที่ทางเสรีภาพอยู่พอสมควร เพียงแค่ต้องระวังพฤติกรรมและคำพูดมิให้ส่งผลกระทบต่ออำนาจทางการเมือง อนึ่ง Mr. Lemaître ยังได้เน้นย้ำว่า พวกเราจำเป็นต้องเฝ้าจับตาต่อระบบพิจารณาตรวจสอบของลัทธิอำนาจนิยม เนื่องจากการพิจารณาทบทวนไม่เพียงแต่เป็นการลบล้าง แต่ยังถือเป็นการแก้ไขหน้าประวัติศาสตร์อีกด้วย Mr. Lemaître ยังแสดงทรรศนะที่เชื่อมโยงสู่สถานการณ์โลกในปัจจุบันว่า ความสมดุลระหว่างเสรีภาพและการเฝ้าติดตามความมั่นคงในปัจจุบัน ได้มุ่งสู่แนวโน้มการเฝ้าระวังความมั่นคงเป็นหลัก ส่วนคำจำกัดความเกี่ยวกับ “เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น” ของสหรัฐฯ ในปัจจุบัน แท้ที่จริงแล้ว มีนัยยะที่แตกต่างไปจากกรอบความคิดแบบดั้งเดิมของพวกเรา
 
Mr. Lemaître ชี้ว่า การเมืองรูปแบบประชาธิปไตยในปัจจุบัน ได้ผลักดันให้ประเด็นที่เป็นข้อโต้แย้งได้รับความสนใจจากภาคประชาชน ผ่านแรงกระตุ้นของสื่อโซเชียลและกระบวนการอัลกอริทึ่ม ซึ่งมีบุคคลบางกลุ่มมองว่า การทำความเข้าใจ การเจรจาและความประนีประนอม ระหว่างความคิดเห็นที่แตกต่างกันในกระบวนการอภิปรายเชิงนโยบายรูปแบบเดิม เป็นการบรรลุข้อตกลงกันในรูปแบบที่ล้มเหลว อันนำไปสู่การก่อตัวขึ้นของกลุ่มที่มีความเห็นต่างกันอย่างสุดขั้ว โดยพัฒนาไปสู่การเพิกเฉยต่อการแสวงหาข้อเท็จจริง หรือแม้กระทั่งต้องการเบี่ยงเบนข้อเท็จจริงด้วยระบบเสียงข้างมาก ซึ่งเป็นการส่งผลให้ภาคประชาชนไม่ขวนขวายและพินิจพิจารณาด้วยสติ แต่กลับต้องการรับฟังเสียงตอบสนองในการสนับสนุนจุดยืนที่ตนเชื่อมั่นเพียงเท่านั้น Mr. Lemaître แสดงทรรศนะปิดท้ายว่า เสรีภาพไม่ควรถูกกำหนดโดยกลุ่มคนที่มีอำนาจและอิทธิพลเท่านั้น แต่จำเป็นต้องผ่านการร่วมหารืออภิปรายกันในภาคประชาสังคม เพื่อผลลัพธ์ภายใต้เสรีภาพที่เคารพในศักดิ์ศรีของกันและกัน
 
เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามของภาคประชาชนเกี่ยวกับการคงอยู่และอนาคตของประชาธิปไตยและเสรีภาพ Mr. Lemaître ได้หยิบยกข้อสรุปที่เกิดจากการอภิปรายระหว่างนักปรัชญาในศตวรรษที่ 16 มากล่าวอ้างอิง โดยชี้แจงว่า ประเด็นปัญหาข้างต้นเป็นปัญหาที่คงอยู่มาตั้งแต่ในยุคอดีต แม้ว่าหลายกรณีจะทำให้พวกเรารู้สึกท้อแท้ หมดกำลังใจ แต่อย่างไรก็ตาม ประชาธิปไตยและเสรีภาพ ก็ยังคงเป็นเส้นทางที่เราสามารถมุ่งไปสู่ได้ ถึงแม้ว่าเส้นทางจะยากลำบากขึ้นก็ตาม Mr. Lemaître เผยว่า จากการตระหนักรู้ของพลังภาคประชาชน พวกเรายังคงมีความหวังต่อโลกประชาธิปไตกในอนาคตได้
 
สาระสำคัญของผลงานสร้างสรรค์ในครั้งนี้ Mr. Lemaître ได้ชี้แจงว่า วัตถุประสงค์ของการเข้าประจำการสร้างสรรค์ผลงานใน NHRM ครั้งนี้ ก็เพื่อต้องการผลิตนวนิยายที่มีส่วนเกี่ยวพันระหว่างจีนและไต้หวัน และกำหนดให้กรุงไทเปเป็นสถานที่หลักของเหตุการณ์ภาพรวมของผลงาน นอกจากนี้ NHRM ยังถือเป็นแหล่งที่มาของแรงบันดาลใจที่สำคัญในบางช่วงตอนของผลงานอีกด้วย
 
NHRM หวังที่จะนำพาผู้ชมร่วมทำความเข้าใจในสถานการณ์ด้านเสรีภาพและสิทธิมนุษยชนของจีน ควบคู่ไปกับการเรียกร้องให้ภาคประชาสังคม ร่วมหวงแหนและธำรงรักษาเสรีภาพในสังคมประชาธิปไตยของไต้หวันที่ได้มาอย่างยากลำบาก โดยในอนาคต NHRM จะยังคงผลักดันโครงการที่เกี่ยวข้องเพื่อการสร้างสรรค์ผลงานที่เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนและเสรีภาพ ในมิติที่หลากหลายเพิ่มมากขึ้น