New Southbound Policy Portal

กระทรวงคมนาคม วันที่ 15 ส.ค. 68
 
นายหวังจิ่นหรง กรรมการผู้จัดการใหญ่ของบริษัทการท่าไต้หวัน ได้นำคณะตัวแทนเดินทางเยือนแคนาดา เพื่อเข้าร่วม “การประชุมสมาคมท่าเรือแปซิฟิก” (Association of Pacific Ports, APP) ครั้งที่ 111 ที่จัดขึ้นในช่วงระหว่างวันที่ 10 – 11 สิงหาคม 2568 เพื่อผลักดันการทูตท่าเรืออย่างกระตือรือร้น ซึ่งบังเกิดผลสัมฤทธิ์ที่ดีขึ้นมากมาย ในระหว่างการประชุม ท่าเรือเกาสงและท่าเรือนาไนโม (Port of Nanaimo) ได้ผูกสัมพันธ์เป็นท่าเรือพี่น้องระหว่างกัน และร่วมแบ่งปันผลสัมฤทธิ์ที่ได้จากการพัฒนากิจการเรือสำราญนานาชาติของบริษัทการท่า ตลอดจนประกาศว่า ท่าเรือไทจงจะรับไม้ต่อในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม APP ประจำปี พ.ศ. 2574 ขึ้น ต่อเนื่องจากท่าเรือเกาสง ที่เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมขึ้นในปี 2567 ที่ผ่านมา
 
การประชุม APP สมัยที่ 111 จัดขึ้น ณ ท่าเรือนาไนโม ประเทศแคนาดา โดยท่าเรือแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ช่องแคบจอร์เจีย ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเมืองท่าแวนคูเวอร์ โดยเปิดให้บริการที่เกี่ยวข้องกับตู้คอนเทนเนอร์ โลจิสติกส์ยานยนต์ และการล่องเรือสำราญ เป็นต้น ซึ่งในแต่ละปีจะมีผู้มาใช้บริการ จำนวนประมาณ 6.95 ล้านคน เพื่อเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนด้านการท่า ระหว่างไต้หวัน – แคนาดา กรมการท่านาไนโมจึงได้ติดต่อให้ท่าเรือเกาสงเข้าร่วมการเจรจา เพื่อผูกสัมพันธ์เป็นท่าเรือพี่น้องระหว่างกัน นับเป็นท่าเรือพี่น้องแห่งที่ 3 ในแคนาดาที่บริษัทการท่าไต้หวันได้ร่วมผูกสัมพันธ์ด้วย ต่อเนื่องจากท่าเรือแวนคูเวอร์ (Port of Vancouver) และท่าเรือ Fraser River Port
 
ในระหว่างการแบ่งปันประสบการณ์ในครั้งนี้ บริษัทการท่าไต้หวันนอกจากจะประกาศรายรับประจำปี 2567 ที่สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์แล้ว ยังได้แบ่งปันผลสัมฤทธิ์ที่ได้จากการพัฒนาหลายรายการ อาทิ สถานีตู้คอนเทนเนอร์แห่งที่ 7 ของบริษัทสายการบิน EVA Air ที่เปิดใช้อย่างเป็นทางการในท่าเรือเกาสง การผลักดันกลยุทธ์การส่งเสริมการตลาด ประจำปี 2568 และโครงการสนับสนุนท่าเทียบเรือสีเขียว ตลอดจนส่งเสริมโครงการปรับปรุงพัฒนาสถานีตู้คอนเทนเนอร์ที่ 3 และ 5 ในท่าเรือเกาสง ทั้งนี้ เพื่อนำเสนอให้เห็นถึงผลสัมฤทธิ์ที่เกิดจากการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลและความยั่งยืน
 
นอกจากนี้ ในระหว่างการประชุม บริษัทการท่าไต้หวันยังได้รับเชิญให้เข้าร่วมแบ่งปันประสบการณ์และผลสัมฤทธิ์ที่เกิดจากความมุ่งมั่นในการผลักดันเรือสำราญนานาชาติ ในปัจจุบัน ไต้หวันมีท่าเทียบเรือสำราญนานาชาติหลัก รวม 2 แห่ง ประกอบด้วย ท่าเรือจีหลงและท่าเรือเกาสง หลายปีมานี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าสู่ไต้หวัน สร้างสถิติใหม่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งคาดว่าในปี 2568 จะสามารถสร้างยอดทะลุ 360,000 คนครั้ง เพื่อตอบสนองต่อความต้องการด้านการขนส่งผู้โดยสาร ที่นับวันยิ่งขยายตัวเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง บริษัทการท่าไต้หวันจึงได้มุ่งพัฒนาท่าเรือเพื่อรองรับจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น รวมไปถึงเครื่องมือและสิ่งอำนวยความสะดวกภายในท่าเรืออย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างกลไกการดึงดูดผู้ประกอบการธุรกิจเรือสำราญนานาชาติ และยกระดับความร่วมมือกับท่าเรือในพื้นที่ละแวกใกล้เคียง เพื่อรุกขยายขอบเขตการตลาดเรือสำราญในภูมิภาคเอเชีย