New Southbound Policy Portal
กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 6 ก.ย. 68
เมื่อช่วงกลางเดือนกรกฎาคม 2568 นายอู๋จื้อจง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไต้หวัน ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์แก่ Ms. Amélie Charnay ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ La Tribune ของฝรั่งเศส โดยเนื้อหาบทสัมภาษณ์ข้างต้นได้รับการตีพิมพ์ไปเมื่อวันที่ 5 กันยายน 2568 ภายใต้หัวข้อ “บริษัทผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ฝรั่งเศส : เผยเรื่องราวเบื้องหลังของความร่วมมือระหว่าง Foxconn และ Thales” เพื่อชี้แจงนัยยะและสถานการณ์ล่าสุดของความร่วมมือระหว่าง Foxconn และ Thales ที่ได้ร่วมจัดตั้งโรงงานบรรจุภัณฑ์ทันสมัยในฝรั่งเศส ในงบประมาณการลงทุนรวมทั้งสิ้น 250 ล้านเหรียญยูโร ซึ่งผลสัมฤทธิ์ที่ได้จะถูกนำไปประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมอวกาศ กลาโหมและยานยนต์ต่อไป เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของฝรั่งเศสในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมไมโครอิเล็กทรอนิกส์ด้วยตนเอง
รมช.อู๋ฯ เน้นย้ำระหว่างการปราศรัยว่า ไต้หวันมุ่งแสวงหาแนวทางการประสานความร่วมมือกับกลุ่มประเทศในทวีปยุโรปอย่างกระตือรือร้น โดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกันกับไต้หวัน อาทิ ฝรั่งเศส อังกฤษและเยอรมนี เป็นต้น โดยพวกเราหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะดึงดูดนักศึกษาและวิศวกรชาวฝรั่งเศส ให้เดินทางมาเยือนไต้หวัน เพื่อเข้ามีส่วนร่วมในการพัฒนาอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
รมช.อู๋ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ความสำเร็จในด้านเซมิคอนดักเตอร์ของไต้หวัน มิได้อาศัยเพียงเฉพาะศักยภาพภายในประเทศเท่านั้น แต่ยังเกิดจากความร่วมมือในระยะยาวที่มีร่วมกับกลุ่มประเทศทวีปยุโรป อาทิ บริษัท Philips และ ASML ของเนเธอร์แลนด์ , BASF ของเยอรมนี และ Air Liquide ของฝรั่งเศส เป็นต้น ซึ่งผู้ประกอบการเหล่านี้ล้วนแต่เป็นหุ้นส่วนสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมของไต้หวัน พร้อมกันนี้ รมช.อู๋ฯ ยังเน้นย้ำว่า ไต้หวันเพียบพร้อมไปด้วยระบบห่วงโซ่อุตสาหกรรมภาพรวมที่ครอบคลุม ทั้งการออกแบบ การรับจ้างผลิตแผ่นเวเฟอร์ และการบรรจุภัณฑ์ทันสมัย อนึ่ง ปริมาณการผลิตแผ่นชิปของไต้หวัน ครองสัดส่วนทั่วโลกร้อยละ 70 อีกทั้งแผ่นชิปวงจรรวมทันสมัยที่ผลิตโดยไต้หวัน ครองสัดส่วนทั่วโลกกว่าร้อยละ 95 ส่วนแผ่นชิปที่จำเป็นต่อเทคโนโลยี AI ครองสัดส่วน 100% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงบทบาทของไต้หวันที่ไม่สามารถมีผู้ใดมาทดแทนได้ในระบบห่วงโซ่อุปทานระดับโลก
สำหรับแนวโน้มการลงทุน รมช.อู๋ฯ กล่าวว่า เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ผู้ประกอบการไต้หวันที่เข้าลงทุนจีน ครองสัดส่วนสูงถึง 84% แต่ในปี 2567 กลับลดลงเหลือเพียง 7% และเฉพาะในช่วงครึ่งปีแรก 2568 ลดลงเหลือต่ำกว่า 3% สะท้อนให้เห็นว่า ผู้ประกอบการไต้หวันต่างอยู่ระหว่างการแสวงหาช่องทางการกระจายความเสี่ยง รมช.อู๋ฯ เผยว่า ความร่วมมือระหว่างไต้หวันและพันธมิตรประชาธิปไตยในทวีปยุโรป มิได้จำกัดเพียงเฉพาะเซมิคอนดักเตอร์เท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปสู่ยานยนต์ อวกาศและเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นต้น ซึ่งทิศทางความร่วมมือเหล่านี้ นอกจากจะสอดคล้องต่อผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจแล้ว ยังเป็นการสร้างหลักประกันให้แก่ภาคอุตสาหกรรม เพื่อหลีกเลี่ยงมิให้จีนนำไปใช้เป็น “เครื่องมืออาวุธ” ในการต่อรองหรือแทรกแซงการบริหาร ตลอดจนเป็นการธำรงรักษาไว้ซึ่งค่านิยมสากลด้านเสรีภาพและประชาธิปไตย