New Southbound Policy Portal
กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 9 ก.ย. 68
การประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (UNGA 80) ประจำปี 2568 เปิดฉากขึ้น ณ สำนักงานใหญ่แห่งสหประชาชาติ ในนครนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2568 โดยมีกำหนดการจัดการอภิปรายทั่วไปขึ้นในระหว่างวันที่ 23 – 27 กันยายน นอกจากนี้ การประชุมสมัชชาองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ครั้งที่ 42 ที่มีกำหนดการจัดขึ้น 3 ปีครั้ง ก็เตรียมจะเปิดฉากขึ้น ณ เมืองมอนทรีออลของแคนาดา ในระหว่างวันที่ 23 กันยายน ไปจนถึง 3 ตุลาคม 2568 โดยเมื่อวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา นายเก๋อเป่าเซวียน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายหลินกั๋วเซี่ยน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ร่วมจัดงานแถลงข่าวเพื่อชี้แจงแผนผลักดัน และประกาศให้สาธารณชนร่วมรับทราบสาระสำคัญของแผนผลักดันและกลยุทธ์ในการเรียกร้องสิทธิเข้าร่วม UN และ ICAO ของไต้หวัน
รมช.เก๋อฯ กล่าวว่า ในปัจจุบัน ประชาคมโลกต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายรุนแรง โดยเฉพาะการรุกรานจากจีนด้วยกลยุทธ์พื้นที่สีเทาในช่องแคบไต้หวัน ทะเลจีนใต้และพื้นที่ภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก รวมถึงการก่อนิติสงครามผ่านการบิดเบือนญัตติที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ฉบับที่ 2758 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะยัดเยียดให้ช่องแคบไต้หวัน อยู่ภายใต้อำนาจการปกครองภายในของจีน เพื่อเป็นการสร้างรากฐานในการโจมตีไต้หวันด้วยกำลังอาวุธในอนาคตต่อไป
รมช.เก๋อฯ กล่าวว่า จีนมักจะประกาศตนว่าเป็นผู้ผดุง "ลัทธิพหุภาคี" , "สันติภาพในภูมิภาค" และ "กฎหมายระหว่างประเทศ" แต่การกระทำจริงของจีนกลับขัดแย้งต่อคำกล่าวอ้างเหล่านี้โดยสิ้นเชิง อันจะเห็นได้จากการที่จีนเพิกเฉยต่อกฎข้อจำกัดต่างๆ อย่างไม่ใยดี อาทิ กรณีที่รัฐบาลจีนประกาศยกเลิกเส้นทางบิน M503 ในพื้นที่สองฝั่งช่องแคบไต้หวัน พร้อมประกาศเปิดใช้เส้นทางบิน W121 , W122 และ W123 โดยมิได้มีการเจรจากับเจ้าหน้าที่ภาครัฐของไต้หวันก่อนล่วงหน้า ซึ่งขัดต่อข้อเรียกร้องที่ระบุไว้ใน “คู่มือแผนการบริการการบิน” ของ ICAO นอกจากนี้ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผานมา จีนยังได้จัดการฝึกซ้อมรบด้วยกระสุนจริงขึ้น ณ เขตน่านน้ำบริเวณเกาสงและผิงตง พื้นที่ทางตอนใต้ของไต้หวัน ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้สื่อให้เห็นถึงการไม่รักษาสัจจะของฝ่ายจีน และแสดงให้เห็นเจตจำนงของรัฐบาลจีน ที่ต้องการจะทำลายความสงบเรียบร้อยที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของกฎกติกาสากล ซึ่งส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อสันติภาพในภูมิภาคและความมั่นคงการบิน
รมช.เก๋อฯ เน้นย้ำว่า ไต้หวันตั้งอยู่ในพื้นที่ระยะห่วงโซ่ที่ 1 ที่ยืนหยัดในการปกป้องค่านิยมประชาธิปไตยและเสรีภาพ อีกทั้งยังเพียบพร้อมด้วยศักยภาพทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี ตลอดจนยังเป็นฐานสำคัญในการขนส่งทางอากาศและทางทะเลในระดับสากล ซึ่งที่ผ่านมา ไต้หวันได้สวมบทบาทในการเป็นหุ้นส่วนที่เชื่อถือได้ ที่พร้อมอุทิศคุณประโยชน์ และยินดีที่จะส่งมอบความช่วยเหลือให้แก่ประชาคมโลก จึงจะเห็นได้ว่า พวกเราถือเป็นหุ้นส่วนที่ไม่สามารถขาดได้ในการพิชิตเป้าหมาย “การพัฒนาอย่างยั่งยืน” (SDGs)
รมช.เก๋อฯ ระบุว่า เนื่องจากรัฐบาลจีนจงใจบิดเบือนญัตติ 2758 และเชื่อมโยงเข้ากับ "หลักการจีนเดียว" อย่างไม่เหมาะสม ส่งผลให้ไต้หวันถูกกีดกันให้อยู่นอกระบบสหประชาชาติมาเป็นเวลานาน ในความเป็นจริงแล้ว ญัตติ 2758 ระบุเพียงเฉพาะสิทธิการเป็นตัวแทนของจีนบนเวทีสหประชาชาติ แต่มิได้ระบุถึงไต้หวันแต่อย่างใด ยิ่งไม่ได้มีการระบุว่า ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของสาธารณรัฐประชาชนจีน อีกทั้งยังมิได้มีการมอบอำนาจให้ตัวแทนสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้รับสิทธิเป็นตัวแทนของไต้หวันบนเวทีสหประชาชาติ เพราะฉะนั้นจึงจะเห็นได้ว่า ญัตติดังกล่าวมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับไต้หวันเลยแม้แต่น้อย มีเพียงรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากภาคประชาชนชาวไต้หวันเท่านั้น จึงจะมีสิทธิเป็นตัวแทนของภาคประชาชนบนเวทีนานาชาติ หรือองค์การระหว่างประเทศ
รมช.เก๋อฯ กล่าว่า การตีความญัตติ 2758 ในทิศทางที่ขัดต่อหลักข้อเท็จจริง กลายมาเป็นอุปสรรคสำคัญที่ขัดขวางความมุ่งมั่นพยายามของไต้หวัน ในการได้รับสิทธิเข้ามีส่วนร่วมในระดับนานาชาติ ด้วยเหตุนี้ แผนผลักดันการเข้าร่วม UN ของไต้หวันในปีนี้ จึงยังคงมุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมให้ประชาคมโลกตระหนักถึงข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับญัตติ 2758 ซึ่งประกอบด้วยข้อเรียกร้อง 3 ประการ ดังนี้ :
1.ญัตติที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ฉบับที่ 2758 ถูกบิดเบือนด้วยความจงใจ อันถือเป็นการสร้างภัยคุกคามที่รุนแรงต่อสถานภาพเดิมในปัจจุบันของช่องแคบไต้หวัน รวมถึงสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก จึงขอเรียกร้องให้ UN ตระหนักให้ความสำคัญและยึดมั่นในจุดยืนที่เป็นกลาง ไม่ควรกีดกันการเข้าร่วมของไต้หวัน อันเนื่องมาจากเหตุผลทางการเมืองของรัฐบาลจีน
2.ญัตติที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ฉบับที่ 2758 มิได้ระบุถึงเนื้อความที่กีดกันให้ไต้หวันอยู่นอกระบบของ UN ด้วยเหตุนี้ UN จึงควรที่จะแสวงหาแนวทางการเข้าร่วมที่เหมาะสมให้ไต้หวัน เพื่อให้ไต้หวันร่วมสร้างคุณูปการในการพิชิตเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs)
3. สำนักเลขาธิการสหประชาชาติควรยึดมั่นในจุดยืนที่เป็นกลาง ด้วยการยุติการอ้างอิงญัตติ 2758 และยุติการลิดรอนสิทธิของประชาชนและสื่อไต้หวันเข้าร่วมการประชุม กลไกและกิจกรรมต่างๆ ภายใต้ระบบของ UN
รมช.เก๋อฯ ชี้แจงว่า แผนผลักดันการขอเข้าร่วม UN ของไต้หวันในปีนี้ จะยังคงสืบสานธรรมเนียมปฏิบัติเดิมจากปีที่ผ่านๆ มา อาทิ การติดต่อให้ผู้แทนถาวรของประเทศพันธมิตรไต้หวันประจำสหประชาชาติ ร่วมลงนามยื่นส่งหนังสือเรียกร้องให้แก่ Mr. Antonio Guterres เลขาธิการสหประชาชาติ และเรียกร้องให้ตัวแทนประเทศพันธมิตร ร่วมเป็นกระบอกเสียงให้ไต้หวันในเวทีการอภิปรายทั่วไป นอกจากนี้ กต.ไต้หวันยังจะจัดกิจกรรมการประชาสัมพันธ์ในนครนิวยอร์ก ในช่วงระหว่างการประชุม
รมช.เก๋อฯ ชี้แจงต่อแผนผลักดันการเข้าร่วมการประชุม ICAO ประจำปีนี้ โดยระบุว่า กต.ไต้หวันและกรมการบินพลเรือน ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงคมนาคม จะประสานความร่วมมือกันคว้าสิทธิเข้าร่วมการประชุมในฐานะ “อาคันตุกะ” เฉกเช่นเดียวกับในปี พ.ศ. 2556 ไม่ว่าท้ายที่สุดแล้ว พวกเราจะได้รับเชิญหรือไม่ก็ตาม รัฐบาลก็จะยังคงมอบหมายให้ “คณะทำงาน ICAO”เดินทางเยือนมอนทรีออล เพื่อชี้แจงข้อเรียกร้องของไต้หวัน ต่อหน้าคณะตัวแทนจากนานาประเทศทั่วโลก เพื่อคว้าพลังเสียงสนับสนุน
ท้ายนี้ รมช.เก๋อฯ กล่าวว่า ไต้หวันเป็นไต้หวันของประชาคมโลก กต.ไต้หวันจะยึดมั่นในแนวคิด “การทูตเชิงบูรณาการ”ผลักดันการเข้าร่วมของไต้หวันในองค์การระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง บนแกนหลักพื้นฐานประชาธิปไตย สันติภาพและความเจริญรุ่งเรือง พร้อมกันนี้ พวกเราขอเรียกร้องให้ UN เปิดรับการเข้าร่วมของไต้หวัน เพื่อบรรลุเป้าหมายตามกฎบัตรที่ว่า “ไม่ละทิ้งผู้ใดไว้เบื้องหลัง”ตลอดจนเป็นการพิชิตเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน ความมั่นคงการบิน หลักประกันด้านสิทธิมนุษยชน รวมไปถึงการส่งเสริมสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองระดับโลก