New Southbound Policy Portal
กระทรวงเศรษฐการ วันที่ 17 ก.ย. 68
เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2568 นางเจียงเหวินรั่ว รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเศรษฐการไต้หวัน และ Mr. David Müller อธิบดีกิจการสหภาพยุโรปและการค้าต่างประเทศ ภายใต้การกำกับกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าของสาธารณรัฐเช็ก ร่วมเป็นประธานในการประชุมปรึกษาทางเศรษฐกิจ ระหว่างไต้หวัน - เช็ก ครั้งที่ 8 ที่จัดขึ้นผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย นอกจากจะร่วมแบ่งปันความคิดเห็นกันในการพัฒนาสถานการณ์ล่าสุดทางเศรษฐกิจระดับสากลแล้ว ยังได้มีการแลกเปลี่ยนกันในประเด็นการส่งเสริมการค้า การลงทุน ความร่วมมือทางอุตสาหกรรม และความมั่นคงทางเศรษฐกิจอีกด้วย
รมช.เจียงฯ กล่าวว่า แม้ว่าการค้าระหว่างประเทศและเศรษฐกิจโลกจะเผชิญหน้ากับปัจจัยความไม่แน่นอนหลายประการ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม หน่วยงานคาดการณ์เศรษฐกิจระหว่างประเทศ ต่างยังคงยึดมั่นในมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไต้หวันในปี พ.ศ. 2568 ประกอบกับเมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงภูมิรัฐศาสตร์โลก มาตรการภาษีต่างตอบแทนจากสหรัฐฯ ข้อจำกัดทางเทคนิคและวัสดุตั้งต้นที่สำคัญ เป็นต้น รัฐบาลจึงได้จัดเวทีการเสวนากับภาคอุตสาหกรรมอย่างใกล้ชิด เพื่อวางมาตรการสนับสนุนอุตสาหกรรม ควบคู่ไปกับการผลักดันนโยบาย “5 อุตสาหกรรมหลักที่มีความน่าเชื่อถือ” และ “ห่วงโซ่อุปทานที่เชื่อถือได้” ตลอดจนจับมือกับพันธมิตรด้านประชาธิปไตยโลก อาทิเช่น เช็ก ในการจัดตั้งความสัมพันธ์ทางความร่วมมือที่เอื้อประโยชน์แก่กัน
อธิบดี Müller กล่าวว่า สถานการณ์ระหว่างประเทศยังคงเกิดการเปลี่ยนแปลงที่พลิกผันอย่างต่อเนื่อง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผลกระทบที่เกิดจากมาตรการภาษีต่างตอบแทนจากสหรัฐฯ รัฐบาลเช็กจึงเดินหน้ารุกขยายความสัมพันธ์ทางความร่วมมือกับกลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกันอย่างไต้หวัน ด้วยความกระตือรือร้น เพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้า ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างศักยภาพทางการแข่งขันระหว่างประเทศให้แก่ภาคอุตสาหกรรมระหว่างกัน
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่ายยังได้เปิดการอภิปรายกันในประเด็นการค้า โดยเจ้าหน้าที่ตัวแทนฝ่ายไต้หวันได้ชี้แจง แนวทางการเปลี่ยนผ่านสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัลของอุตสาหกรรมไมซ์ (MICE) โดยรัฐบาลเช็กต่างรู้สึกประทับใจต่อแนวทางการดำเนินการของไต้หวัน และหวังจะอ้างอิงประสบการณ์ของไต้หวัน ตลอดจนส่งเสริมให้บรรดาผู้ประกอบการเช็กเข้าร่วมนิทรรศการของไต้หวัน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการไปมาหาสู่ทางการค้าแบบทวิภาคี
ในด้านการลงทุน เจ้าหน้าที่ไต้หวันชี้แจงว่า ศูนย์การค้าการลงทุนไต้หวันในกรุงปราก (Taiwan Trade and Investment Service Center, Prague) ได้เปิดให้บริการต่อสาธารณชนอย่างเป็นทางการแล้ว โดยจะจับมือกับหน่วยงานภาครัฐของเช็ก ในการให้บริการแก่ผู้ประกอบการไต้หวันที่ยื่นเสนออุปสงค์ นอกจากนี้ ในกรณีปัญหาที่ได้รับแจ้งจากผู้ประกอบการไต้หวันในเช็กว่า ระบบส่งจ่ายกำลังไฟฟ้าไม่เพียงพอนั้น รัฐบาลเช็กจะเดินหน้าแก้ไขปัญหาอย่างขมักเขม้นต่อไป พร้อมกันนี้ รัฐบาลเช็กยังระบุว่า เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ได้มีการจัดให้ไต้หวันเข้าสู่รายชื่อประเทศที่ไม่ต้องยื่นขออนุมัติใบอนุญาตการประกอบอาชีพ แสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญต่อการลงทุนของกลุ่มนักธุรกิจไต้หวัน
ในด้านความร่วมมือทางอุตสาหกรรม ทั้งสองฝ่ายยินดีที่จะผลักดันความร่วมมือทางเซมิคอนดักเตอร์ ผ่าน “โครงการความยืดหยุ่น ระหว่างไต้หวัน - เช็ก” อย่างต่อเนื่อง และตระหนักถึงความสำคัญของเทคโนโลยี AI ที่มีต่อห่วงโซ่อุตสาหกรรมเทคโนโลยีระดับโลก โดยจะมุ่งเสริมสร้างการแบ่งปันและการแลกเปลี่ยนนโยบาย เพื่อยกระดับศักยภาพทางการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายจะส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเมืองอัจฉริยะ รวมตัวกันเดินทางเยือนแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน เพื่อคิดค้นแสวงหาแผนโซลูชันการแก้ไขปัญหาเชิงนวัตกรรมร่วมกัน
ต่อประเด็นความมั่นคงทางเศรษฐกิจและแร่ธาตุสำคัญ ทั้งสองฝ่ายยินดีที่จะแบ่งปันแนวทางการรีไซเคิลแร่ธาตุสำคัญ ผ่านการประชุมคณะทำงาน
เมื่อเผชิญหน้ากับความผันผวนทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ ทั้งสองฝ่ายมุ่งหวังที่จะจับมือกันจัดตั้งความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจและการค้าที่เอื้อประโยชน์แก่กันในระยะยาว
จากรายงานข้อมูลสถิติที่จัดทำโดยกระทรวงเศรษฐการ ในปี 2566 เช็กเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไต้หวันในภูมิภาคยุโรปกลางและยุโรปตะวันออก โดยมูลค่าการค้าแบบทวิภาคีอยู่ที่ 2,370 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อัตราการเติบโตต่อปีสูงถึงร้อยละ 94.79% ในแง่การลงทุน ตราบจนปลายเดือนกรกฎาคม 2568 การเข้าลงทุนในเช็กของกลุ่มผู้ประกอบการไต้หวัน ส่วนมากเป็นอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนสะสมสูงถึง 220 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นับเป็นอันดับที่ 9 ของการลงทุนในกลุ่มประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปของไต้หวัน