New Southbound Policy Portal

ปธน.ไล่ชิงเต๋อ ให้การต้อนรับคณะตัวแทนประธานสภาความมั่นคงและข่าวกรองของกลุ่มประเทศพันธมิตรในภูมิภาคลาตินอเมริกาและพื้นที่แถบทะเลแคริบเบียน

ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 26 ก.ย. 68

เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 26 กันยายน 2568 ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำไต้หวัน ได้ให้การต้อนรับคณะตัวแทนประธานสภาความมั่นคงและข่าวกรอง ของกลุ่มประเทศพันธมิตรในภูมิภาคลาตินอเมริกาและพื้นที่แถบทะเลแคริบเบียน ที่ร่วมเดินทางมาเยือนไต้หวันในครั้งนี้ ซึ่งนอกจากจะแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น ระหว่างไต้หวันและกลุ่มประเทศพันธมิตรแล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจในการปกป้องรักษาค่านิยมสากลด้านเสรีภาพและประชาธิปไตย ซึ่งการประชุมระหว่างประธานสภาความมั่นคงและข่าวกรองของกลุ่มประเทศพันธมิตร และไต้หวัน ทุกสมัยที่ผ่านมา ล้วนแต่บังเกิดผลสัมฤทธิ์ขึ้นมากมาย โดยกลไกความร่วมมือแบบพหุภาคีเช่นนี้ มีส่วนช่วยในการจัดตั้งรูปแบบการแบ่งปันและการแลกเปลี่ยนข่าวกรอง เป็นวาระประจำ ทั้งนี้ เพื่อช่วยสกัดกั้นภัยคุกคามร่วมกัน
 
ปธน.ไล่ฯ ระบุว่า สถานการณ์ความมั่นคงระหว่างประเทศในปัจจุบัน มีความสลับซับซ้อนเป็นอย่างมาก ทั้งการแทรกแซงจากประเทศภายนอก การคุกคามทางดิจิทัล การแพร่กระจายข่าวปลอมและการโจมตีทางไซเบอร์ เป็นต้น ต่างส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบอบประชาธิปไตย ความท้าทายที่เกิดจากกลุ่มประเทศลัทธิอำนาจนิยม ก้าวข้ามกรอบจำกัดทางพรมแดน มีเพียงการประสานความร่วมมือระหว่างพันธมิตรประชาธิปไตยโลก จึงจะสามารถสกัดกั้นการแผ่ขยายอิทธิพลของอำนาจเผด็จการ ตลอดจนเป็นการร่วมสร้างความยืดหยุ่นในภาคประชาสังคมและประชาธิปไตย โดยเฉพาะหลายปีมานี้ รัฐบาลจีนยังคงข่มขู่ไต้หวันด้วยกำลังทหารเป็นวงกว้างอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเข้าแทรกแซง และทำสงครามจิตวิทยาในทุกพื้นที่ทั่วโลก เพื่อต้องการสร้างเสริมอิทธิพลต่อนโยบายทางการเมืองของนานาประเทศ ผ่านวิธีการ “สงครามลูกผสม” ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดการบรรลุวัตถุประสงค์ที่ต้องการจะบ่อนทำลายการบริหารการปกครองในรูปแบบประชาธิปไตย
 
ปธน.ไล่ฯ แถลงว่า ไต้หวันตั้งอยู่ในพื้นที่แนวหน้าที่ต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามจากจีนอย่างไม่สามารถคาดเดาได้ ด้วยเหตุนี้ พวกเราจึงมุ่งพัฒนาขีดความสามารถในการป้องกันประเทศ ควบคู่ไปกับการสร้างความยืดหยุ่นทางสังคมอย่างต่อเนื่อง โดยหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะจัดตั้งกลไกการป้องกันประเทศ และการแบ่งปันข่าวกรองกับกลุ่มประเทศพันธมิตร เพื่อยกระดับการเฝ้าระวังภัยคุกคามที่เกิดจากการแทรกซึมของจีน นอกจากนี้ ปธน.ไล่ฯ ยังได้กำชับให้สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติไต้หวัน เดินหน้าผลักดันการแลกเปลี่ยน การส่งมอบความช่วยเหลือและการฝึกอบรมกับกลุ่มประเทศพันธมิตรอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มพูนศักยภาพการประสานความร่วมมือระหว่างกัน ให้เกิดความมั่นคงแข็งแกร่งต่อไป
 
ในโอกาสนี้ ปธน.ไล่ฯ ได้แสดงความขอบคุณต่อกลุ่มประเทศพันธมิตรที่ให้การสนับสนุนไต้หวันอย่างหนักแน่นเสมอมา ด้วยการร่วมเป็นกระบอกเสียงให้ไต้หวันในเวทีนานาชาติอย่างต่อเนื่อง โดยสื่อให้เห็นว่า ไต้หวันมีศักยภาพและความสมัครใจในการสร้างคุณประโยชน์ให้แก่ประชาคมโลก
 
Mr. Francisco ALCARAZ ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติปารากวัย กล่าวปราศรัยว่า ในปัจจุบัน เราอยู่ในยุคสมัยที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การพัฒนาทางเทคโนโลยีที่รุดหน้า ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตประจำวัน ระบบสังคมและนโยบายสาธารณะ เป็นต้น ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ทำให้ทุกประเทศจำเป็นต้องกำหนดมาตรการรับมือที่มีความยืดหยุ่นและมีวิสัยทัศน์ อย่างไรก็ตาม มาตรการเหล่านี้ยังคงไม่เพียงพอที่จะรับมือกับการโจมตีทางเทคโนโลยีที่สลับซับซ้อนจากขั้วตรงข้ามทางภูมิรัฐศาสตร์
 
รมว. ALCARAZ ระบุว่า ท่ามกลางสถานการณ์ข้างต้นนี้ กลุ่มนักเคลื่อนไหวที่ใช้เทคโนโลยีในการแฮกข้อมูล (Hacktivism) กำลังผงาดตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งประจวบตรงกับช่วงเวลาที่จีนอัดฉีดทรัพยากรด้านพลังงาน และกำหนดนโยบายทางเศรษฐกิจขอบเขตกว้างในภูมิภาคลาตินอเมริกา ซึ่งนอกจากจะเผยให้เห็นถึงศักยภาพทางเศรษฐกิจแล้ว ยังชี้ให้เห็นว่า จีนได้รับข้อมูลที่สำคัญผ่านช่องทางลับ เพื่อใช้ในการเจรจาและประเมินระดับความเสี่ยงของแผนการต่างๆ เพื่อนำมาซึ่งผลประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมแก่ประเทศของตน โดยเฉพาะในระหว่างการผลักดันโครงการหนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative, BRI) รัฐบาลจีนต้องการจับทิศทางข้อมูลห่วงโซ่อุปทานโลก ซึ่งส่งผลกระทบทางตรงต่ออำนาจอธิปไตยและเสถียรภาพของนานาประเทศ
 
รมว. ALCARAZ ระบุเพิ่มเติมว่า นานาประเทศทั่วโลกต่างต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีเชิงยุทธศาสตร์ที่ก่อเกิดขึ้นจากหน่วยงาน Hacktivism อาทิ โทรคมนาคม หน่วยงานภาครัฐ กองกำลังทหารและองค์การนอกภาครัฐ เป็นต้น เป้าหมายของจีนไม่เพียงแต่ล้วงข้อมูลลับที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานเชิงสาธารณูปโภค แต่ขณะเดียวกัน จีนยังต้องการโค่นล้มระบอบประชาธิปไตยของนานาประเทศทั่วโลก รวมถึงอธิปไตยทางดิจิทัลและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอีกด้วย
 
รมว. ALCARAZ กล่าวว่า ยิ่งประเทศพันธมิตรประสานสามัคคีกันมากเพียงใด คู่ต่อสู้ก็ยิ่งต้องการสร้างความร้าวฉานมากขึ้นเท่านั้น ด้วยเหตุนี้ นานาประเทศจึงควรที่จะมุ่งเสริมสร้างความร่วมมือและการแลกเปลี่ยน กลุ่มประเทศลาตินอเมริกานับวันยิ่งได้รับผลกระทบจากการสร้างความแตกแยกจากจีน ท่ามกลางสถานการณ์ภัยคุกคามเหล่านี้ ปารากวัยไม่เคยโดดเดี่ยว เนื่องจากกลุ่มประเทศพันธมิตร ได้ส่งมอบการสนับสนุนอย่างเต็มกำลัง ซึ่งหนึ่งในจำนวนดังกล่าวรวมถึงไต้หวันด้วย เชื่อว่า ไต้หวัน – ปารากวัยจะเดินหน้าเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างกันในเชิงลึก และสร้างเสริมความสัมพันธ์เชิงหุ้นส่วนที่มั่นคงแข็งแกร่ง ผ่านการวางกลยุทธ์ร่วมกันในระยะยาวต่อไป