New Southbound Policy Portal

รมช.กต.ไต้หวันให้สัมภาษณ์แก่นสพ. Frankfurter Allgemeine Zeitung สื่อแนวหน้าของเยอรมนี เน้นย้ำว่าไต้หวันเดินหน้าสร้างความร่วมมือนานาชาติ ผ่านหลักการประชาธิปไตยและข้อได้เปรียบทางเซมิคอนดักเตอร์ เพื่อร่วมเผชิญหน้ากับความท้าทายที่เกิดจากอำนาจเผด็จการ

กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 8 ต.ค. 68

ระยะที่ผ่านมา นายอู๋จื้อจง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไต้หวัน ได้ให้สัมภาษณ์แก่ Mr. Jochen Stahnke ผู้สื่อข่าวอาวุโสของหนังสือพิมพ์ Frankfurter Allgemeine Zeitung (FAZ) สื่อแนวหน้าของเยอรมนี โดยเนื้อหาบทสัมภาษณ์ได้รับการตีพิมพ์ในหัวข้อ “เราไม่เคยแข็งแกร่งเท่านี้มาก่อน” (Wir waren noch nie so stark) โดยรมช.อู๋ฯ กล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์ว่า ไต้หวันจับมือกันพันธมิตรประชาธิปไตยโลกด้วยความเชื่อมั่น ผ่านการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ นวัตกรรมเทคโนโลยี และหลักการประชิปไตย เพื่อรับมือกับความท้าทายในระดับภูมิภาค
 
รมช.อู๋ฯ กล่าวว่า ไต้หวันมีมูลค่าทางเศรษฐกิจ รวมกว่า 800,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นับเป็นคู่ค้าอันดับ 7 ของสหรัฐฯ แสดงให้เห็นศักยภาพที่แข็งแกร่งและแรงดึงดูดในโลกนานาชาติของไต้หวัน รมช.อู๋ฯ เน้นย้ำว่า “ไต้หวันไม่เคยยิ่งใหญ่เช่นนี้มาก่อน แต่ก็ไม่เคยเผชิญหน้ากับความท้าทายที่มากเช่นนี้มาก่อน” พร้อมระบุว่า สหรัฐฯ ที่เป็นประชาธิปไตย ยังคงสืบสานนโยบายที่เป็นมิตรต่อไต้หวันอย่างต่อเนื่อง จึงจะเห็นได้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ ตั้งมั่นอยู่บนค่านิยมด้านประชาธิปไตย และความเชื่อมโยงทางสังคมที่แน่นแฟ้น
 
รมช.อู๋ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ไต้หวันลดการพึ่งพาทางเศรษฐกิจและการค้าจากจีนอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 เป็นต้นมา โดยในปี 2567 สัดส่วนการลงทุนของไต้หวันในจีนเหลือเพียง 7% ในขณะที่สหรัฐฯ กลายเป็นจุดหมายปลายทางหลักของการลงทุนในต่างประเทศของไต้หวันที่ครองสัดส่วนกว่าครึ่ง สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์ทางความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้าและเทคโนโลยีแบบทวิภาคี ที่ดำเนินไปอย่างมีเสถียรภาพ
 
รมช.อู๋ฯ กล่าวว่า สงครามรัสเซีย – ยูเครน สะท้อนให้เห็นว่า กลุ่มประเทศเผด็จการต้องการเปลี่ยนแปลงความสงบเรียบร้อยระหว่างประเทศ ด้วยกำลังทหาร ไต้หวันในฐานะที่เป็นประเทศประชาธิปไตยที่มีการพัฒนาอย่างรุ่งเรือง และเป็นอาณาจักรสำคัญด้านเซมิคอนดักเตอร์ระดับสากล ความมั่นคงของไต้หวันจึงมีความเกี่ยวพันกับเสถียรภาพระดับสากล โดยในโอกาสนี้ รมช.อู๋ฯ ยังได้ย้ำเตือนต่อประชาคมโลกว่า หากประชาคมโลกไร้ซึ่งไต้หวันและอุตสาหกรรมแผ่นชิป ทั่วโลกจะตกอยู่ในภาวะวิกฤตที่รุนแรง ในทางกลับกัน หากจีนเข้าครอบงำอุตสาหกรรมและศักยภาพทางเทคโนโลยีของไต้หวัน จีนจะกลายเป็นประเทศมหาอำนาจที่สร้างภัยคุกคามต่อทั่วโลกได้อย่างง่ายดาย
 
รมช.อู๋ฯ เน้นย้ำว่า ไต้หวันมีมาตรการ “วันนี้มิใช่วันที่จะบุกไต้หวัน” (Not Today Policy) และประยุกต์ใช้ 3 แกนหลักในการสกัดกั้นภัยคุกคาม ได้แก่ : (1) เพิ่มพูนงบประมาณกลาโหมอย่างต่อเนื่องในทุกปี ซึ่งคาดว่าจะสามารถพิชิตเป้าหมาย 5% ของ GDP ภายในปี พ.ศ. 2573 (2) เสริมสร้างการคงอยู่ของกำลังพลทหารในภูมิภาคอินโด - แปซิฟิกของสหรัฐฯ และบรรดามิตรประเทศในทวีปยุโรป และ (3) แสวงหาการสนับสนุนจากประชาคมโลกในการเข้าร่วมองค์การระหว่างประเทศของไต้หวัน
 
รมช.อู๋ฯ บรรยายว่า อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของไต้หวัน เปรียบเสมือน “ภูผาที่ผดุงไว้ซึ่งความแกร่งกล้าของไต้หวัน” พร้อมระบุว่า การจัดตั้งฐานประกอบการของบริษัท TSMC ในสหรัฐฯ ญี่ปุ่นและเยอรมนี มิใช่การลดทอนศักยภาพของไต้หวัน แต่เป็นการเพิ่มเกราะป้องกันให้แก่พวกเราอย่างแน่นหนาเพิ่มมากขึ้น ด้วยการส่งเสริมให้มิตรประเทศเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนในการธำรงรักษา โดยไต้หวันจะยังคงเป็นผู้ถือครองกุญแจสำคัญด้านเทคโนโลยีทันสมัยภายในประเทศ ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศกับหุ้นส่วนที่เชื่อถือได้ เพื่อส่งเสริมให้เกิดเสถียรภาพและความยั่งยืนในห่วงโซ่อุปทานโลกต่อไป นอกจากนี้ รมช.อู๋ฯ ยังเน้นย้ำว่า ผลสัมฤทธิ์ที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างไต้หวัน – เยอรมนี ได้ก้าวข้ามกรอบจำกัดเฉพาะด้านเศรษฐกิจและการค้า “เมืองเดรสเดินให้กำเนิดบริษัท European Semiconductor Manufacturing Company (ESMC) อันเนื่องมาจากบริษัท TSMC” ถือเป็นกรณีตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นว่า ความสัมพันธ์แบบทวิภาคีระหว่างไต้หวัน – เยอรมนี มิใช่เพียงความร่วมมือทางเทคโนโลยี แต่ยังเป็นก้าวสำคัญของยุโรปในเชิงความสัมพันธ์ที่มีต่อไต้หวันอีกด้วย