New Southbound Policy Portal
ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 9 ต.ค. 68
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 9 ตุลาคม 2568 ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำไต้หวัน กล่าวให้การต้อนรับเหล่าอาคันตุกะที่เข้าร่วม “การประชุมเสวนาความมั่นคง กรุงไทเป ประจำปี 2568” (Taipei Security Dialogue 2025) โดยระบุว่า เมื่อเผชิญหน้ากับความท้าทายที่เกิดจากการแผ่ขยายอิทธิพลของกลุ่มประเทศลัทธิอำนาจนิยมและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี พลังสามัคคีและกลไกการรับมือของพันธมิตรประชาธิปไตย ก็ยิ่งมีความสำคัญเพิ่มมากขึ้น โดยไต้หวันจะมุ่งธำรงรักษาสันติภาพด้วยศักยภาพ ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความมั่นคงผ่านความร่วมมือ ตลอดจนจับมือกับมิตรประเทศในการส่งเสริมประชาธิปไตย สันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองในระดับภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก
ปธน.ไล่ฯ ให้การต้อนรับบรรดาอาคันตุกะที่เดินทางมาเข้าร่วมการประชุมความมั่นคงไทเป ประจำปี 2568 พร้อมกล่าวว่า บรรดาอาคันตุกะนอกจากจะนำข้อคิดและประสบการณ์การวิจัยด้านความมั่นคง ที่สั่งสมมาตลอดหลายปี มาร่วมแบ่งปันแล้ว ยังได้ให้การสนับสนุนไต้หวันด้วยวิธีการที่เป็นรูปธรรม ก่อให้เกิดความสัมพันธ์อันดีงาม นอกจากนี้ ยังได้ชี้แจงว่า หลายปีมานี้ เนื่องด้วยการแผ่ขยายอิทธิพลของอำนาจเผด็จการและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ส่งผลให้ความสงบเรียบร้อยระหว่างประเทศ ต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายที่รุนแรง และเป็นบททดสอบความสามัคคีและการรับมือของพันธมิตรประชาธิปไตยทั่วโลก ด้วยเหตุนี้ “การเสวนาความมั่นคงไทเป” จึงมีนัยยะที่สำคัญยิ่ง โดยหัวข้อการประชุมในปีนี้คือ “การบูรณาการเพื่อการสกัดกั้น : ธำรงรักษาสันติภาพอินโด – แปซิฟิกด้วยศักยภาพ” มุ่งเน้นการอภิปรายในประเด็นสถานการณ์ระหว่างประเทศ ผลกระทบจากเทคโนโลยีเกิดใหม่ การเสริมสร้างความยืดหยุ่นในภาคประชาสังคมและบทบาทเชิงยุทธศาสตร์ของไต้หวัน เป็นต้น ซึ่งนอกจากจะเป็นการแลกเปลี่ยนทางนโยบายวิชาการแล้ว ยังเป็นช่วงเวลาสำคัญแห่งการจับมือกันของกลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกันในการเผชิญหน้ากับความท้าทาย เพื่อบรรลุสู่สันติภาพ
ในโอกาสนี้ ปธน.ไล่ฯ ขอแสดงความขอบคุณต่อเหล่าอาคันตุกะที่ร่วมแบ่งปันประสบการณ์และมุมมองความคิดเห็นที่มีค่า เพื่อกระชับความร่วมมือระหว่างพันธมิตรประชาธิปไตย ในระหว่างการประชุมครั้งนี้ ยังได้รับเกียรติการเข้าร่วมจาก Mr. Scott Morrison อดีตนายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย Mr. Matt Schlapp แกนนนำพรรคอนุรักษนิยมของสหรัฐฯ และ Mr. Van D. Hipp ผู้บัญชาการกลาโหมระหว่างประเทศของสหรัฐฯ ที่ร่วมเป็นกระบอกเสียงให้การสนับสนุนไต้หวันอย่างหนักแน่นเสมอมา ไต้หวันตั้งอยู่ในพื้นที่แนวหน้าในการเผชิญหน้ากับภัยคุกคามจากกลุ่มประเทศเผด็จการ หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะผนึกกำลังของหุ้นส่วนประชาธิปไตย ในการส่งเสริมการพัฒนาที่มีเสถียรภาพในภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก
ปธน.ไล่ฯ กล่าวว่า ในอนาคต ไต้หวันจะเดินหน้าพัฒนาขีดความสามารถทางกลาโหมอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการพัฒนาความยืดหยุ่นในการปกป้องภาคประชาสังคม เพิ่มพูนศักยภาพทางความมั่นคงในภาพรวมของประเทศชาติ โดยในปีหน้านี้ ไต้หวันจะปรับเพิ่มงบประมาณกลาโหมให้เพิ่มขึ้น 3.32% ของ GDP ตามมาตรฐานที่กำหนดโดยองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) และคาดว่าจะสามารถพิชิตเป้าหมาย 5% ของ GDP ภายในปี พ.ศ. 2573 ทั้งนี้ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของไต้หวันในการปกป้องประเทศ และแบกรับหน้าที่ความรับผิดชอบในการธำรงรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน ควบคู่ไปกับการพัฒนายุทธวิธีสงครามที่ไร้สมมาตร จัดตั้งระบบป้องกันและสกัดกั้นภัยคุกคามในรูปแบบอัจฉริยะ ตลอดจนเดินหน้าผลักดันอุตสาหกรรมกลาโหมที่เปี่ยมศักยภาพทางการแข่งขัน และยกระดับความยืดหยุ่นของภาคประชาสังคมในภาพรวม ความพยายามเหล่านี้ นอกจากจะเป็นการสร้างหลักประกันให้ไต้หวันมีศักยภาพในการธำรงรักษาค่านิยมด้านประชาธิปไตยและเสรีภาพ ยังจะก้าวสู่การเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือทางความมั่นคงที่เชื่อถือได้ของบรรดามิตรประเทศ ทั้งนี้ เพื่อร่วมธำรงปกป้องสันติภาพและเสถียรภาพในระดับภูมิภาค ให้คงอยู่อย่างยั่งยืนสืบต่อไป
ปธน.ไล่ฯ เน้นย้ำว่า “การธำรงรักษาสันติภาพอินโด – แปซิฟิกด้วยศักยภาพ เสริมสร้างความมั่นคงผ่านความร่วมมือ” ถือเป็นเป้าหมายหลักของไต้หวัน โดยไต้หวันจะมุ่งพัฒนาการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือกับนานาประเทศต่อไป ในด้านความมั่นคงทางกลาโหม การบรรเทาสาธารณภัยและการพัฒนาเทคโนโลยี เป็นต้น
อดีตนรม. Morrison กล่าวขณะปราศรัยว่า การเดินทางเยือนไต้หวันในครั้งนี้ มาในฐานะมิตรสหายและผู้ให้การสนับสนุน คณะตัวแทนที่เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ รวบรวมมาจากสหรัฐฯ และกลุ่มประเทศในทวีปยุโรป รวมถึงญี่ปุ่นและออสเตรเลีย แสดงให้เห็นถึงการให้สนับสนุนต่อประเด็นที่เกี่ยวข้องกับไต้หวันของประชาคมโลก พร้อมกันนี้ อดีตนรม. Morrison ยังได้ให้การยอมรับต่อปธน.ไล่ฯ ในศักยภาพผู้นำและความยืดหยุ่นในการผลักดันกลาโหม การรักษาสันติภาพในช่องแคบไต้หวัน และการส่งเสริมการพัฒนาความเจริญรุ่งเรืองของไต้หวัน เป็นต้น พร้อมทั้งให้การสนับสนุนต่อความมุ่งมั่นของปธน.ไล่ฯ ในการรวบรวมฉันทามติภายในประเทศ ควบคู่ไปกับการส่งเสริมความมั่นคงแห่งชาติและสันติภาพในระดับภูมิภาค
อดีตนรม. Morrison กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่ประเด็นความมั่นคงทางทะเล การยกระดับการสกัดกั้นด้วยขีปนาวุธและอากาศยานไร้คนขับ รวมถึงกลาโหมในรูปแบบการพึ่งพาตนเอง ซึ่งไต้หวันมีพัฒนาการที่คืบหน้าในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยอดีตนรม. Morrison ให้คำมั่นว่า คณะตัวแทนจะยังคงทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงให้ไต้หวันบนเวทีนานาชาติ เพื่อส่งเสริมให้ประชาคมโลกตระหนักถึงความสำคัญของไต้หวัน อนึ่ง การสนับสนุนเหล่านี้ มิใช่เพียงเพื่อไต้หวันเท่านั้น แต่ยังมีส่วนเกี่ยวพันกับความมั่นคง อำนาจอธิปไตยและเสรีภาพระดับโลก ประชาคมโลกควรเรียนรู้จากประสบการณ์ของยูเครน รวมพลังสามัคคี เพื่อมิให้เกิดเหตุการณ์อันน่าสลดในรูปแบบเดียวกันในไต้หวัน