New Southbound Policy Portal

ปธน.ไล่ชิงเต๋อ เข้าร่วม “งานแถลงข่าวในวาระก่อนการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ประจำปี 2568”

ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 21 ต.ค. 68

เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 21 ตุลาคม 2568 ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำไต้หวัน ได้เข้าร่วม “งานแถลงข่าวในวาระก่อนการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค (APEC Economic Leaders' Meeting, AELM) ประจำปี 2568” โดยปธน.ไล่ฯ ได้แสดงความขอบคุณต่อนายหลินซิ่นอี้ ที่ปรึกษาทำเนียบประธานาธิบดีไต้หวัน ที่รับหน้าที่เป็นตัวแทนผู้นำไต้หวัน เข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจประจำปีนี้
 
ปธน.ไล่ฯ กล่าวว่า หัวข้อการประชุมเอเปคประจำปีนี้คือ “การสรรสร้างอนาคตที่ยั่งยืน” โดยมุ่งเน้นไปที่ 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ “การเชื่อมโยง นวัตกรรมและความเจริญรุ่งเรือง” ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายนโยบายของไต้หวัน โดยปธน.ไล่ฯ หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นผู้แทนหลินฯ และคณะสมาชิกตัวแทน ส่งผ่านใจความสำคัญ 3 ประการในระหว่างการประชุม ดังนี้ : “การเสริมสร้างความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจ” “ความยินดีในการแบ่งปันประสบการณ์อุตสาหกรรมต้นแบบ” และ “การเร่งผลักดันการพัฒนา AI ที่ยึดมนุษย์เป็นศูนย์กลาง” เชื่อว่าด้วยประสบการณ์ของผู้นำหลินฯ จะสามารถเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนกับกลุ่มประเทศสมาชิกเอเปค ในประเด็นที่ได้รับการเฝ้าจับตาจากประชาคมโลก เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดความร่วมมือในอนาคตต่อไป
 
สาระสำคัญของการกล่าวปราศรัยของปธน.ไล่ฯ ในครั้งนี้ สรุปได้โดยสังเขป ดังนี้ :
การประชุมผู้นำทางเศรษฐกิจภายใต้กรอบเอเปค ประจำปีนี้ มีกำหนดการเปิดฉากขึ้น ณ เมืองคย็องจู เกาหลีใต้ ในวันที่ 31 ตุลาคม – 1 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้
 
เมื่อเผชิญหน้ากับความท้าทายและความไม่แน่นอนด้านการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับโลก พวกเราจะยังคงเดินหน้าเสริมสร้างความร่วมมือและนวัตกรรมในระดับภูมิภาค เพื่อกระตุ้นให้เกิดความเจริญรุ่งเรือง ซึ่งถือเป็นเป้าหมายที่ไต้หวันต้องการจะอุทิศคุณูปการให้แก่ประชาคมโลก
 
ปธน.ไล่ฯ หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นผู้นำหลินฯ ส่งผ่านใจความสำคัญรวม 3 มิติหลัก ในระหว่างการประชุมครั้งนี้  
 
ประการแรก ไต้หวันจะเดินหน้าพัฒนาความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจ ด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือกับประชาคมโลก ส่งเสริมการพัฒนาทางเศรษฐกิจและการค้าในระดับภูมิภาค
 
พวกเราต้องการป่าวประกาศให้ประชาคมโลกร่วมรับทราบว่า ไต้หวันจะมุ่งสรรสร้างสังคมที่มีเสรีภาพ ความเป็นธรรมและมีหลักประกันทางกฎหมาย รวมถึงสภาพแวดล้อมการลงทุนทางเศรษฐกิจการค้าที่สามารถคาดการณ์ได้ ควบคู่ไปกับการผลักดันความร่วมมือรูปแบบหุ้นส่วนที่หลากหลาย ในระหว่างการเสริมสร้างอุตสาหกรรมที่พึ่งพาตนเองและความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
 
ประการที่สอง ไต้หวันยินดีที่จะแบ่งปันประสบการณ์อุตสาหกรรมต้นแบบ เพื่อกระชับความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ในการรับมือกับความท้าทายระดับโลก
 
ไต้หวันกำลังเปลี่ยนผ่านจาก “การผลิต” มาสู่ “การสร้างสรรค์” พวกเรายินดีที่จะร่วมแบ่งปันประสบการณ์การพัฒนาอุตสาหกรรมต้นแบบ อาทิ เซมิคอนดักเตอร์ สู่กลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความร่วมมือเชิงลึกในระดับภูมิภาค ผ่านการเกื้อหนุนทางเศรษฐกิจและการลงทุน เพื่ออัดฉีดพลังความสดใสเข้าสู่อุตสาหกรรมที่สร้างมูลค่าเพิ่ม
 
ประการสุดท้าย ไต้หวันอยู่ระหว่างการเร่งผลักดันการพัฒนาเทคโนโลยี AI ที่ยึดมนุษย์เป็นศูนย์กลาง เพื่อเป็นตัวช่วยในการบรรลุวิสัยทัศน์ร่วมกันของเอเปค
 
เมื่อเผชิญหน้ากับการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจและกลไกความสงบเรียบร้อยทางสังคม ด้วยเทคโนโลยี AI พวกเราจำเป็นต้องมุ่งผลักดัน “โครงสร้างพื้นฐาน AI รวม 10 รายการ” โดยยึดมนุษย์เป็นศูนย์กลางในการส่งเสริมการประยุกต์ใช้ AI ในด้านต่างๆ เพื่อผลักดันให้ไต้หวันก้าวสู่ประเทศอัจฉริยะอย่างครอบคลุม ควบคู่ไปกับการผลักดัน “ไต้หวันสุขภาพดี” ผ่านการยื่นเสนอแผนริเริ่ม “สุขภาพอัจฉริยะ” ในระหว่างการประชุมเอเปค ทั้งนี้ เพื่ออุทิศคุณประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมในด้านสุขภาพดิจิทัลและการบริหารในรูปแบบความยั่งยืนในระดับภูมิภาค
 
จากนั้น ผู้นำหลินฯ ได้แสดงความขอบคุณสำหรับความไว้วางใจของปธน.ไล่ฯ พร้อมทั้งกล่าวว่า ในปีนี้ เกาหลีใต้ซึ่งเป็นประเทศเจ้าภาพ ได้จัดการประชุมขึ้นในหัวข้อเทคโนโลยี AI และการรับมือกับการเคลื่อนย้ายถิ่นฐานของประชากร ซึ่งสอดรับต่อเป้าหมายนโยบายที่ผลักดันโดยรัฐบาลไต้หวัน และเป็นการแสดงให้เห็นว่าประเทศสมาชิกเอเปค มีความมุ่งหวังร่วมกันในการพิชิตวิสัยทัศน์ในอนาคต
 
ผู้นำหลินฯ ระบุว่า การพัฒนาเศรษฐกิจระดับโลกกำลังประสบกับความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ การปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทาน สังคมเด็กเกิดน้อยและสังคมผู้สูงอายุ รวมถึงโอกาสและความเสี่ยงที่เกิดจากเทคโนโลยี AI และการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล ภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิกในฐานะที่เป็นหัวแรงหลักในการขับเคลื่อนการขยายตัวทางเศรษฐกิจทั่วโลก การธำรงรักษาเสถียรภาพ การส่งเสริมความร่วมมือและการรักษาความเจริญรุ่งเรือง จึงถือเป็นสิ่งสำคัญ ภายใต้บริบทสภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ของ 21 เขตเศรษฐกิจภายใต้กรอบเอเปค ครองสัดส่วนการค้าโลกกว่าร้อยละ 61% จึงจะเห็นได้ว่า ภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิกสวมบทบาทสำคัญในการรับมือกับความท้าทายข้างต้น
 
ผู้นำหลินฯ กล่าวว่า ไต้หวันนอกจากจะเป็นหนึ่งในเขตเศรษฐกิจระดับภูมิภาคแล้ว ยังเป็นหุ้นส่วนสำคัญของห่วงโซ่อุตสาหกรรมโลก ไต้หวันมีรากฐานที่แข็งแกร่งและประสบการณ์มากล้นในด้านเซมิคอนดักเตอร์ เทคโนโลยีดิจิทัลและการพัฒนาอุตสาหกรรมรัฐวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) จึงมีส่วนสำคัญในการพัฒนาทางเทคโนโลยี AI อีกทั้งยังมีศักยภาพและความรับผิดชอบในการสร้างคุณประโยชน์ที่เปี่ยมด้วยความเจริญรุ่งเรืองและความยั่งยืนในภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิก
 
ผู้นำหลินฯ กล่าวว่า ตนจะมุ่งมั่นคว้าโอกาสที่ได้รับมอบหมายจากปธน.ไล่ฯ ในครั้งนี้ ด้วยการจัดการเสวนาแลกเปลี่ยนกับคณะผู้นำสมาชิกเอเปค ตัวแทนผู้นำและตัวแทนผู้ประกอบการภาคธุรกิจอย่างกระตือรือร้น เพื่อส่งผ่านภารกิจ 3 ประการที่ได้รับการกำชับจากปธน.ไล่ฯ ตลอดจนร่วมแบ่งปันผลสัมฤทธิ์ที่เป็นรูปธรรมในด้านนวัตกรรม AI และความร่วมมือทางสุขภาพรูปแบบดิจิทัล เพื่อแสดงให้เห็นว่า ไต้หวันเป็นหุ้นส่วนที่เป็นพลังแห่งความดี เชื่อถือได้และมีความรับผิดชอบในประชาคมโลก