New Southbound Policy Portal
ทำเนียบประธานาธิบดีและกระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 23 ต.ค. 68
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 23 ตุลาคม 2568 รองประธานาธิบดีเซียวเหม่ยฉิน ได้เข้าร่วม “การประชุมโต๊ะกลมเนื่องในวาระครบรอบ 10 ปีแห่งการจัดตั้งกรอบความร่วมมือ Global Cooperation and Training Framework (GCTF)” ที่จัดขึ้น ณ มหาวิทยาลัยเจิ้งจื้อ (NCCU) เพื่อย้อนพิจารณาผลสัมฤทธิ์ภายใต้กรอบ GCTF ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งอภิปรายในแนวทางการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศในอนาคต โดยกิจกรรมในครั้งนี้ได้รับความสนใจและการเข้าร่วมจากคณะทูตานุทูต เจ้าหน้าที่ตัวแทนจากกลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกันที่ประจำการในไต้หวัน รวมถึงคณาจารย์ – นักศึกษาและนักศึกษาแลกเปลี่ยน รวม 150 คน
 
รองปธน.เซียวฯ กล่าวว่า ขณะนี้ ทั่วโลกกำลังเผชิญหน้ากับความท้าทายที่รุนแรงนานับประการ มีเพียงการประสานความร่วมมือกันบนพื้นฐานความเชื่อมั่นและค่านิยมที่ยึดมั่นร่วมกัน จึงจะสามารถปกป้องสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองของทุกภาคส่วนให้คงอยู่ต่อไปได้ รองปธน.เซียวฯ หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็น GCTF ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ผ่านการประสานความร่วมมือแบบพหุภาคีเชิงลึก ทั้งในด้านการบริหารรูปแบบอัจฉริยะ ความมั่นคงทางห่วงโซ่อุปทาน การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน และการส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม เป็นต้น ควบคู่ไปกับการรับมือกับความท้าทายที่เกิดจากการแผ่ขยายอิทธิพลของอำนาจเผด็จการ ข่าวปลอมและวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้ไต้หวันก้าวสู่ประภาคารทางความร่วมมือรูปแบบประชาธิปไตย อันจะนำมาซึ่งความคาดหวัง สันติภาพและความยั่งยืนให้แก่โลกใบนี้ต่อไป
 
รองปธน.เซียวฯ กล่าวว่า เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ไต้หวัน – สหรัฐฯ ร่วมกันยื่นเสนอกรอบความร่วมมือ GCTF ขึ้น หลังจากนั้น ก็ได้รับการจับตามองและการเข้าร่วมจากญี่ปุ่น ออสเตรเลีย แคนาดา และกลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน โดยแนวคิดริเริ่มของ GCTF คือการส่งเสริมให้ความรู้ความเชี่ยวชาญของไต้หวัน ได้รับการประชาสัมพันธ์ไปสู่ประชาคมโลก ภายหลังได้รับการพัฒนาจนกลายเป็นแพลตฟอร์มความร่วมมือนานาชาติที่มีความคึกคัก ด้วยการเชื่อมโยงทุกภาคส่วนจากทุกพื้นที่ ภายใต้พื้นฐานค่านิยมด้านประชาธิปไตยและเป้าหมายที่มีร่วมกัน
 
รองปธน.เซียวฯ ระบุว่า เมื่อ 10 ปีที่แล้ว ความท้าทายที่ทั่วโลกต้องเผชิญหน้า ตั้งแต่การแพร่ระบาดของโรคติดต่อ การขาดช่วงของห่วงโซ่อุปทาน ไปจนถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การแปรปรวนของสภาพอากาศ การเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยี ไปจนถึงสถานการณ์ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่นับวันยิ่งทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น ความท้าทายเหล่านี้เป็นสัญญาณแจ้งเตือนให้พวกเราตระหนักว่า ไม่มีประเทศใดที่สามารถรับมือได้แต่เพียงลำพัง มีเพียงการประสานความร่วมมือกันบนพื้นฐานความเชื่อมั่นและค่านิยมที่ยึดมั่นร่วมกัน จึงจะสามารถปกป้องสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองของทุกภาคส่วนได้
 
รองปธน.เซียวฯ แสดงความขอบคุณด้วยใจจริงต่อหุ้นส่วนทางความร่วมมือ ทั้งสหรัฐฯ ที่ให้การสนับสนุนเสรีภาพ การเปิดกว้างและความสงบเรียบร้อยระหว่างประเทศที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานกฎกติกาสากล ญี่ปุ่นที่สวมบทบาทผู้นำด้านการบรรเทาสาธารณภัยและความมั่นคงทางทะเล ออสเตรเลียที่ได้ให้คำมั่นด้านการเปลี่ยนผ่านพลังงานและความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม พร้อมกันนี้ ไต้หวันยังยินดีให้การต้อนรับแคนาดาที่ก้าวสู่ประเทศสมาชิกทางการของ GCTF เมื่อปีที่แล้ว ตลอดจนขอขอบคุณหน่วยงานเจ้าภาพร่วมและบรรดามิตรสหายทั่วโลก อาทิ สวีเดน สโลวัก กัวเตมาลา เนเธอร์แลนด์ อิสราเอล สหภาพยุโรป (EU) เซนต์ลูเซีย ฟินแลนด์และอังกฤษ มุมมองที่หลากหลายของทุกคน ช่วยเสริมสร้างให้เกิดเครือข่ายระหว่างประเทศที่แข็งแกร่งดังเช่นในปัจจุบัน
 
รองปธน.เซียวฯ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา GCTF ได้จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการและการเสวนาหลายสิบรอบ ซึ่งสามารถดึงดูดผู้เชี่ยวชาญ เจ้าหน้าที่ภาครัฐ และตัวแทนภาคสังคมพลเรือนนับพันราย เข้าร่วมอภิปรายกันในหัวข้อหลากหลายมิติ อาทิ สาธารณสุข การเสริมสร้างศักยภาพสตรี ความมั่นคงทางไซเบอร์ การป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย การส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และการบริหารปกครองในรูปแบบประชาธิปไตย เป็นต้น ซึ่งล้วนแต่มีเป้าหมายเดียวกันคือ การเสริมสร้างความยืดหยุ่นของภาคประชาสังคม ทุกคนสามารถเรียนรู้และส่งมอบกำลังใจซึ่งกันและกันผ่านแพลตฟอร์มนี้ อีกทั้งยังเป็นการชี้ให้เห็นว่า ประชาธิปไตยไม่เพียงแต่เป็นระบอบการปกครองเท่านั้น แต่ยังมีส่วนเกี่ยวพันกับความเชื่อมั่น และเป็นแนวคิดร่วมกันของภาคประชาชน ภาครัฐและภาคประชาสังคม เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความท้าทาย
 
ในด้านการเข้าร่วมองค์การระหว่างประเทศ ประชาชนชาวไต้หวันหลายคนสัมผัสได้กับการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมบนเวทีประชาคมโลก แต่อย่างไรก็ตาม นี่มิใช่อุปสรรคในการขัดขวางมิให้พวกเราสวมบทบาทเป็นพลังแห่งความดีบนโลกใบนี้ รวมไปถึงการแสดงความสมัครใจในการให้ความช่วยเหลือแก่ประชาคมโลกด้วยความจริงใจ ไต้หวันยินดีช่วยและกำลังช่วย
 
รองปธน.เซียวฯ ไต้หวันพิสูจน์ให้เห็นผ่านการสร้างคุณูปการและความสัมพันธ์รูปแบบหุ้นส่วน ว่าตนในฐานะส่วนหนึ่งในประชาคมโลกที่เชื่อถือได้ มีความรับผิดชอบและมีความกระตือรือร้น ประสบการณ์ของพวกเรา สะท้อนให้เห็นถึงความยืดหยุ่นด้านประชาธิปไตย
 
ในระหว่างการประชุมโต๊ะกลม นายหลินเจียหรง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไต้หวัน ได้ชี้แจงแนวทางการบูรณาการ GCTF และหลักการ “การทูตเชิงบูรณาการ” ที่เป็นการเสริมสร้างบทบาทของไต้หวันในกลไกการเสวนาระดับสากล โดยผู้เข้าร่วมบรรยายยังได้แบ่งปันประสบการณ์และมุมมองที่ได้จากการสังเกตการณ์ในการเข้าร่วม GCTF พร้อมให้การยอมรับต่อผลสัมฤทธิ์ทางความร่วมมือแบบข้ามพรมแดนภายใต้กรอบ GCTF ในด้านการส่งเสริมสาธารณสุข การบริหารรูปแบบดิจิทัล สิทธิความเสมอภาคทางเพศ และการบรรเทาสาธารณภัย
 
นับตั้งแต่ GCTF ได้รับการก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2558 เป็นต้นมา ตราบจนปัจจุบัน ได้มีการจัดการประชุมนานาชาติ รวมกว่า 90 รอบ โดยได้ติดต่อเชิญเจ้าหน้าที่ภาครัฐและผู้เชี่ยวชาญจำนวนกว่า 10,000 คน จาก 130 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วมอภิปรายหารือกันในประเด็นที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ สะท้อนให้เห็นถึงแนวทางความร่วมมือที่กระตือรือร้น ภายใต้กรอบความร่วมมือระดับสากล โดยในปีนี้ GCTF ก้าวเข้าสู่ปีที่ 10 แล้ว พวกเราจะยังคงเดินหน้าเสริมสร้างความร่วมมือกับหุ้นส่วนนานาประเทศอย่างต่อเนื่อง เพื่อจับมือกันผลักดันเครือข่ายหุ้นส่วนระดับโลกที่เปิดกว้าง ครอบคลุมและมีความยืดหยุ่นต่อไป