New Southbound Policy Portal

รองปธน.เซียวเหม่ยฉินให้สัมภาษณ์แก่สถานีโทรทัศน์ ARD ของเยอรมนี

ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 28 ต.ค. 68

เมื่อระยะที่ผ่านมา รองประธานาธิบดีเซียวเหม่ยฉิน ได้ให้สัมภาษณ์แก่ Ms. Tessniem Kadiri พิธีกรรายการ Weltspiegel ของสถานีโทรทัศน์ ARD ของเยอรมนี ซึ่งสถานีโทรทัศน์ข้างต้นเป็นสื่อที่มีความสำคัญที่สุดของเยอรมนี และเป็นหนึ่งในสถานีวิทยุกระจายเสียงที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคยุโรป ที่ยึดมั่นในมุมมองที่เป็นกลาง ครอบคลุมรายงานข่าวในมุมมองที่หลากหลาย โดยการสัมภาษณ์ในครั้งนี้ระบุถึงภัยคุกคามที่จีนกระทำต่อไต้หวัน การเตรียมความพร้อมด้านกลาโหมของไต้หวัน ความสัมพันธ์สองฝั่งช่องแคบไต้หวัน ความสัมพันธ์ระหว่างจีน - รัสเซีย และสงครามรัสเซีย – ยูเครน รวมไปถึงความร่วมมือระหว่างไต้หวัน – เยอรมนี และทิศทางการพัฒนาความสัมพันธ์แบบทวิภาคี เป็นต้น ซึ่งเนื้อหาบทสัมภาษณ์ได้รับการตีแผ่สู่สาธารณชนเมื่อวันที่ 27 ตุลาคมที่ผ่านมา ตามเวลาในเขตไต้หวัน
 
สื่อระบุว่า ก่อนหน้านี้ รองปธน.เซียวฯ เคยกล่าวไว้ว่า ไต้หวันเปรียบเสมือนแมวที่มีความน่ารักน่าทะนุถนอม แต่ไม่ยินยอมที่จะเป็นฝ่ายถูกรังแก จึงอยากทราบว่า จิตวิญญาณของไต้หวันที่เปรียบเสมือนแมว มีความแกร่งกล้าเพียงใด?
 
รองปธน.เซียวฯ ตอบว่า ประชาชนชาวไต้หวันส่วนมากมีจิตใจโอบอ้อมอารี และยินดีให้ความช่วยเหลือแก่ส่วนรวม แม้จะต้องเผชิญหน้ากับการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมจากหลายประเทศทั่วโลกในเวทีองค์การระหว่างประเทศ แต่ไต้หวันก็ยังคงมุ่งมั่นทำหน้าที่เป็นพลังแห่งความดีบนโลกใบนี้ โดยภาคประชาชนชาวไต้หวันยินดีที่จะยื่นมือให้ความช่วยเหลือ ในการสร้างคุณประโยชน์ด้านสวัสดิการให้แก่ประชาคมโลก ซึ่งก็เปรียบเสมือนแมวที่มีความอบอุ่นและน่ารัก
 
เมื่อระบุถึงการเตรียมความพร้อมด้านกำลังทหารของจีน และการจัดส่งเรือรบเข้ารุกรานพื้นที่รายรอบไต้หวัน ที่ส่งผลให้เกิดวิกฤตภัยคุกคาม รองปธน.เซียวฯ กล่าวว่า ไต้หวันรู้สึกวิตกกังวลต่อการข่มขู่ด้วยกำลังทหารจากจีนเป็นวงกว้างอย่างต่อเนื่อง ทั้งในช่องแคบไต้หวัน และการฝึกซ้อมทางทหารในเขตน่านฟ้า ซึ่งนอกจากการสร้างภัยคุกคามทางกลาโหมแล้ว ยังเป็นการสร้างแรงกดดันด้วยสงครามลูกผสม อาทิ การลิดรอนสถานภาพของไต้หวันบนเวทีนานาชาติ โดยในปัจจุบัน จีนยังคงแทรกซึมเข้าสู่สื่อโซเชียลในไต้หวัน และแพร่กระจายข่าวปลอมโดยพลการ พร้อมทั้งเข้าแทรกแซงกิจกรรมทางการเมือง ซึ่งล้วนแต่เป็นแนวทางของ “สงครามจิตวิทยา” นอกจากนี้ จีนยังอาศัยการสร้างแรงกดดันทางเศรษฐกิจต่อภาคอุตสาหกรรมที่เสี่ยงต่อการได้รับผลกระทบ เพื่อบีบบังคับภาคประชาสังคมในไต้หวัน
 
สำหรับความเป็นไปได้ในการเกิดสงคราม รองปธน.เซียวฯ แสดงความเห็นว่า ทุกความมุ่งมั่นพยายามของไต้หวันในปัจจุบัน ก็เพื่อป้องกันการปะทุขึ้นของสงคราม เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั่วทุกพื้นที่ในโลก ย้ำเตือนต่อพวกเราว่า สันติภาพมิใช่สิ่งที่ได้มาโดยไม่ต้องลงแรง ไต้หวันจำเป็นต้องอัดฉีดทรัพยากรจำนวนมากเข้าสู่ด้านกลาโหม เพื่อใช้ศักยภาพเป็นเกราะป้องกัน พวกเราจะยึดมั่นในหลักการไม่ยั่วยุหรือสร้างความท้าทาย และไม่ต้องการบ่อนทำลายความสงบเรียบร้อยระหว่างประเทศ แต่ก็จำเป็นต้องมีศักยภาพทางกลาโหมเพื่อการป้องกันประเทศด้วยตนเอง
 
ต่อกรณีที่ว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีนนั้น รองปธน.เซียวฯ กล่าวว่า จากการอ้างอิงกฎหมายรัฐธรรมนูญของไต้หวัน สาธารณรัฐจีนคงอยู่เสมอมา ประกอบกับภาคประชาชนชาวไต้หวัน ได้ร่วมลงคะแนนเสียงเลือกตั้งรัฐบาลด้วยความสมัครใจ ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการทางประชาธิปไตย พวกเราเชื่อมั่นว่า อำนาจอธิปไตยเป็นของภาคประชาชนชาวไต้หวัน
 
ต่อประเด็นความเร่งด่วนในการเปิดการเจรจากับรัฐบาลปักกิ่ง รองปธน.เซียวฯ กล่าวว่า ไต้หวันมีจุดยืนที่ชัดเจนเสมอมา พวกเรามีทัศนคติที่เปิดกว้างต่อการเสวนาที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานการเคารพซึ่งกันและกัน และความเท่าเทียมอย่างสมศักดิ์ศรี พร้อมทั้งให้การสนับสนุนสันติภาพและเสถียรภาพอย่างเต็มกำลัง ในความเป็นจริงนั้น สันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน สามารถสร้างประโยชน์ให้แก่ภาคประชาชนสองฝั่งช่องแคบไต้หวัน ซึ่งถือเป็นผลประโยชน์ร่วมกัน ด้วยเหตุนี้ พวกเราจึงยินดีที่จะเปิดการเสวนาและการแลกเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ประวัติศาสตร์ได้ให้ข้อคิดแก่พวกเราว่า การรักษาเสถียรภาพไม่ใช่เรื่องง่าย จำเป็นต้องอาศัยความมุ่งมั่นและความแข็งแกร่งทางกลาโหม และการให้ความสำคัญต่อการรักษาและสืบสานสถานภาพเดิมในปัจจุบันของประชาคมโลก
 
จากรายงานการสำรวจความคิดเห็นของภาคประชาชน ส่วนมากต่างแสดงจุดยืนต่อต้านการผนวกดินแดนเป็นหนึ่งของสาธารณรัฐประชาชนจีน และยังคงยืนหยัดในการรักษาอิสรภาพในปัจจุบันให้คงอยู่อย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตาม จีนยังคงข่มขู่ไต้หวันด้วยกำลังทหาร และการล่อลวงด้วยข้อตกลงทางเศรษฐกิจ รองปธน.เซียวฯ เน้นย้ำว่า สาธารณรัฐประชาชนจีนไม่เคยเข้าปกครองในไต้หวัน ไต้หวันมิใช่ส่วนหนึ่งของสาธาณรัฐประชาชนจีน ไต้หวันปกครองตนเองด้วยระบอบประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้งโดยภาคประชาชน
 
ในแง่มุมทางเศรษฐกิจ หลายปีมานี้ รัฐบาลจีนอาศัยมาตรการการค้าและเศรษฐกิจ บีบบังคับภาคประชาสังคมไต้หวัน ซึ่งภาคประชาชนชาวไต้หวันล้วนให้ความเคารพต่อหลักการการค้าเสรีและตลาดโลก ประกอบกับระยะที่ผ่านมานี้ ผู้ประกอบการไต้หวันหลายรายมุ่งวางรากฐานธุรกิจไปสู่นานาประเทศทั่วโลกอย่างกระตือรือร้น เพื่อรับมือกับสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่นับวันยิ่งมีความไม่แน่นอนของจีน
 
เมื่อระบุถึงผลกระทบต่อภูมิภาคอินโด - แปซิฟิกและไต้หวันที่เกิดจากความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น ระหว่างรัสเซีย - จีน รองปธน.เซียวฯ กล่าวว่า ไต้หวันเฝ้าจับตาต่อการผูกสัมพันธ์ของผู้นำประเทศลัทธิอำนาจนิยม ที่ร่วมแบ่งปันกลยุทธ์และวิธีการเพื่อการควบคุมประเทศต่างๆ พร้อมทั้งยังสังเกตเห็นถึงรูปแบบพฤติกรรมที่คล้ายคลึงกันในหลายพื้นที่ทั่วโลก อาทิ สงครามสารสนเทศ และการเข้าแทรกแซงการเมืองของประเทศอื่นๆ ซึ่งก่อเกิดเป็นวิกฤตความท้าทายร่วมกันของพันธมิตรด้านประชาธิปไตย เพราะฉะนั้น พวกเราจึงควรร่วมมือกันอย่างสามัคคี เพื่อสกัดกั้นแนวทางดังกล่าว รวมไปถึงภัยคุกคามและการแทรกแซงต่อประชาธิปไตย โดยสงครามสารสนเทศมีวัตถุประสงค์เพื่อลดทอนความเป็นปึกแผ่นของประชาธิปไตย และเป็นการสร้างความขัดแย้งในสังคมภายในประเทศ เพราะฉะนั้น การเผชิญหน้ากับอิทธิพลและแรงกดดันจากกลุ่มเผด็จการ จึงยังมีภารกิจที่จะต้องจัดการอีกมาก และต้องเดินหน้าเสริมสร้างความยืดหยุ่นควบคู่ไปด้วย
 
เมื่อกล่าวถึผลกระทบจากสงครามรัสเซีย – ยูเครน และข้อคิดที่ไต้หวันได้รับ รองปธน.เซียวฯ กล่าวว่า ในสงครามไม่มีผู้ชนะที่แท้จริง พวกเรารู้สึกเห็นใจต่อประชาชนชาวยูเครน และจะจับมือให้การสนับสนุนแก่กันเพื่อสกัดกั้นภัยคุกคาม ตลอดจนจะจับมือกันเสริมสร้างระบอบการปกครองและเสรีภาพที่ได้อย่างยากลำบาก ให้คงอยู่ต่อไปอย่างยั่งยืน
 
เมื่อพูดถึงกลุ่มประเทศในทวีปยุโรป โดยเฉพาะเยอรมนี รองปธน.เซียวฯ ได้อาศัยโอกาสนี้แสดงความขอบคุณต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของเยอรมนี ที่เน้นย้ำจุดยืนความสำคัญของสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน ควบคู่ไปกับการต่อต้านการเปลี่ยนแปลงสถานภาพเดิมในปัจจุบันด้วยกำลังทหาร พร้อมทั้งขอแสดงความขอบคุณต่อรัฐบาลเยอรมนีที่แสดงจุดยืนให้การสนับสนุนไต้หวันบนเวทีนานาชาติ ทั้งการประชุมแบบทวิภาคี การประชุมนานาชาติ หรือแม้กระทั่งการประชุมผู้นำกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนําระดับโลก 7 ประเทศ (G7) เป็นต้น
 
ในแง่มุมเศรษฐกิจ ไต้หวัน - เยอรมนีได้ประสานความร่วมมือในขอบเขตเป็นวงกว้างในด้านไมโครอิเล็กทรอนิกส์ แต่จากอิทธิพลทางเทคโนโลยี AI และความต้องการทางเทคโนโลยีที่เพิ่มพูน ทำให้ทั้งสองฝ่ายสามารถแสวงหาโอกาสทางความร่วมมือที่เพิ่มมากขึ้นต่อไปได้ในอนาคต