New Southbound Policy Portal

ปธน.ไล่ชิงเต๋อ เข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองอาหารค่ำ ที่จัดขึ้นสำหรับการต้อนรับ “คณะกรรมการกิจการสาธารณะอเมริกัน-อิสราเอล”

ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 28 ต.ค. 68

เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 27 ตุลาคม 2568 ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำไต้หวัน ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองอาหารค่ำ ที่จัดขึ้นสำหรับการต้อนรับ “คณะกรรมการกิจการสาธารณะอเมริกัน-อิสราเอล” (American Israel Public Affairs Committee, AIPAC) โดยปธน.ไล่ฯ ได้แสดงความขอบคุณต่อคณะสมาชิกที่เฝ้าจับตาต่อความสำคัญของสันติภาพช่องแคบไต้หวัน ที่มีต่อสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองในระดับภูมิภาคและระดับโลก พร้อมทั้งระบุว่า ไต้หวัน สหรัฐฯ และอิสราเอล แม้จะตั้งอยู่ห่างไกลกันในแง่ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ แต่พวกเรายึดมั่นแนวคิดเสรีภาพ สิทธิมนุษยชนและหลักนิติธรรมร่วมกัน ในฐานะที่ตั้งอยู่แนวหน้าในการเผชิญหน้ากับลัทธิอำนาจนิยม และมีหน้าที่ปกป้องอารยธรรมและค่านิยมขั้นพื้นฐาน ไต้หวันจะเพิ่มการลงทุนด้านกลาโหม เพื่อพัฒนาขีดความสามารถด้านการปกป้องประเทศด้วยการพึ่งพาตนเอง และหวังที่จะแสดงข้อได้เปรียบด้านเซมิคอนดักเตอร์ บูรณาการทรัพยากรการวิจัยพัฒนาเข้ากับสหรัฐฯ และอิสราเอล ควบคู่ไปกับการมุ่งเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าในเชิงลึก เพื่อนำมาซึ่งสันติภาพ เสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองในระดับภูมิภาค
 
สาระสำคัญของกล่าวปราศรัยเป็นภาษาอังกฤษของปธน.ไล่ฯ สามารถสรุปได้สังเขป ดังนี้ :

เริ่มต้น ปธน.ไล่ฯ ขอต้อนรับ “คณะกรรมการกิจการสาธารณะอเมริกัน-อิสราเอล” ที่ได้รวบรวมคณะตัวแทนเดินทางเยือนไต้หวันเป็นครั้งแรก ในจำนวนรวม 200 คน โดยปธน.ไล่ฯ ได้อาศัยโอกาสนี้แสดงความขอบคุณต่อ Mr. Bernard Kaminetsky ประธาน AIPAC และบรรดาอาคันตุกะที่ให้ความสำคัญและการสนับสนุนต่อไต้หวัน พร้อมกันนี้ ปธน.ไล่ฯ  ยังได้แสดงความขอบคุณต่อ Mr. Jeffrey Schwartz ผู้ก่อตั้ง “Jewish Community Center” ที่มุ่งผลักดันการแลกเปลี่ยนระหว่างไต้หวัน – อิสราเอล และกลุ่มชนชาวยิวของสหรัฐฯ และส่งเสริมให้เกิดการมาเยือนของคณะสมาชิก AIPAC ในครั้งนี้
 
ปธน.ไล่ฯ ขออาศัยโอกาสสำคัญในครั้งนี้ แสดงความโล่งใจต่อกรณีที่ตัวประกับชาวอิสราเอลได้รับการปล่อยตัว หลังจากเหตุการณ์การโจมตีของกลุ่มฮามาสในอิสราเอล เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2566 ไต้หวันนอกจากจะทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงในการร่วมประณามฮามาสแล้ว ยังได้ส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม และเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ เพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ภาคประชาชนชาวอิสราเอล ซึ่งการยุติลงของภัยสงครามและการปล่อยตัวประกัน ถือเป็นความคืบหน้าล่าสุดที่สำคัญ ตลอดระยะเวลา 2 ปีกว่าที่ผ่านมา และเป็นผลสัมฤทธิ์ทางการทูตที่สำคัญของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ อีกด้วย อีกทั้งยังเป็นก้าวสำคัญของการก้าวสู่หลักชัยแห่งสันติภาพในภูมิภาคตะวันออกกลาง
 
ประชาชนชาวไต้หวันมักจะมองชาวยิวเป็นต้นแบบ เนื่องจากสถานภาพของพวกเราบนเวทีนานาชาติ ต้องประสบกับอุปสรรค ประกอบกับการเผชิญหน้ากับภัยคุกคามทางอำนาจอธิปไตยของจีน แต่อย่างไรก็ตาม ประชาชนชาวไต้หวันไม่เคยย่อท้อ หรือยอมแพ้ แต่ยังคงอาศัยความมุ่งมั่นพยายามในการพัฒนาสู่การเป็นหุ้นส่วนสำคัญที่ไม่สามารถขาดได้ในการพัฒนา AI และอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงระดับสากล
 
ไต้หวันเป็นเพียงไม่กี่ประเทศทั่วโลกที่มีกำหนดการจัดกิจกรรม “วันสากลรำลึกฮอโลคอสต์” ร่วมกับหน่วยงานรัฐบาลอิสราเอลและเยอรมนีที่ประจำการในไต้หวัน ขึ้นเป็นประจำทุกปี และได้รับเกียรติเข้าร่วมจากผู้นำประเทศของไต้หวัน ในระยะหลายกี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งนอกจากจะย้ำเตือนให้พวกเราระลึกถึงนัยยะทางประวัติศาสตร์ เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดประวัติศาสตร์ซ้ำรอย “Never Again” แล้ว ยังเป็นการรำลึกถึงความกล้าหาญในการต่อต้านลัทธิเผด็จการอีกด้วย
 
“นโยบายการพะเน้าพะนอ” มิใช่แผนการสกัดกั้นประเทศเผด็จการ แนวคิด “การก่อให้เกิดสันติภาพที่แท้จริงด้วยศักยภาพ” จึงจะสามารถฝ่าฝันการเปลี่ยนแปลงและวิกฤตความท้าทายต่างๆ ความมุ่งมั่นตั้งใจและศักยภาพในการปกป้องประเทศชาติของอิสราเอล เป็นสิ่งที่ควรค่าแก่การเป็นต้นแบบของไต้หวัน
 
หลายปีมานี้ ไต้หวันมุ่งพัฒนาศักยภาพการปกป้องประเทศด้วยการพึ่งพาตนเองอย่างต่อเนื่อง อันจะเห็นได้จากงบประมาณทางกลาโหมของไต้หวันที่กำหนดให้เป็นไปตามมาตรฐานขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) โดยจะปรับเพิ่มงบประมาณกลาโหมให้เพิ่มขึ้น 3.32% ของ GDP ในปีหน้านี้ และพิชิตเป้าหมาย 5% ของ GDP ภายในปี พ.ศ. 2573 ขณะเดียวกัน พวกเรายังมีความมุ่งมั่นในการจัดตั้งระบบป้องกันภัยทางอากาศในชื่อ “เกราะป้องกันไต้หวัน T-Dome” ซึ่งอ้างอิงจาก “ไอเอิร์นโดม” (Iron Cap) และ “โกลเด้นโดมระบบป้องกันขีปนาวุธ” (Golden Dome) ของอิสราเอลและสหรัฐฯ
 
นอกเหนือจากรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ให้การสนับสนุนแบบข้ามพรรคต่อไต้หวันอย่างหนักแน่นแล้ว หลายปีมานี้ ไต้หวันและหน่วยงานสภาบริหารและสภานิติบัญญัติของอิสราเอล ก็ได้สร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันอย่างคึกคัก อันจะเห็นได้จากเมื่อเดือนที่แล้ว ที่ปธน.ไล่ฯ เพิ่งให้การต้อนรับ Mr. Boaz Toporovsky ประธานกลุ่มพันธมิตรไต้หวันในรัฐสภาอิสราเอล และคณะตัวแทน นอกจากนี้ ปธน.ไล่ฯ ยังรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้รับแถลงการณ์ร่วม ที่ลงนามโดยสมาชิกสภาอิสราเอลแบบข้ามพรรค รวม 72 คน เพื่อให้การสนับสนุนการเข้าร่วมในองค์การระหว่างประเทศของไต้หวัน พวกเรารู้สึกขอบคุณสำหรับพลังเสียงสนับสนุน และการแสดงจุดยืนต่อต้าน “หลักการจีนเดียว” ของจีน และการบิดเบือนข้อเท็จจริงในญัตติที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ฉบับที่ 2758
 
นอกจากความร่วมมือทางการทูตและความมั่นคงทางกลาโหมแล้ว ท่ามกลางช่วงเวลาสำคัญที่ทั่วโลกอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทาน การลงทุนด้านเศรษฐกิจและการค้า ก็ถือเป็นส่วนสำคัญที่ไต้หวัน สหรัฐฯ และอิสราเอล จะสามารถเสริมสร้างความร่วมมือกันแบบพหุภาคี เนื่องด้วยไต้หวันมีกระบวนการผลิตแผ่นชิปที่ทันสมัย จึงยินดีที่จะประสานความร่วมมือกับอิสราเอล ภายใต้ “แผนปฏิบัติการด้าน AI” ที่ยื่นเสนอโดยปธน.ทรัมป์
 
ปธน.ไล่ฯ คาดหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะสำแดงให้เห็นข้อได้เปรียบทางอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของไต้หวัน พร้อมทั้งบูรณาการเข้ากับทรัพยากรและประสบการณ์การวิจัยพัฒนาของสหรัฐฯ และอิสราเอล จับมือกันเดินหน้าพัฒนาความร่วมมือเชิงลึกในด้านเซมิคอนดักเตอร์ สารสนเทศและความมั่นคงทางดิจิทัล เพื่อรุกขยายตลาดโลก ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความยืดหยุ่นของห่วงโซ่อุปทาน