New Southbound Policy Portal

รองปธน.เซียวเหม่ยฉินได้รับเชิญให้เข้าร่วมแสดงปาฐกถาใน “การประชุมประจำปีของกลุ่มพันธมิตรจีนแห่งรัฐสภาข้ามชาติ” (IPAC) ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม

ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 11 พ.ย. 68

เมื่อช่วงที่ผ่านมา รองประธานาธิบดีเซียวเหม่ยฉิน ได้รับมอบหมายจากประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำไต้หวัน ให้นำคณะตัวแทนเดินทางเยือนยุโรป เพื่อเข้าร่วม “การประชุมประจำปีของกลุ่มพันธมิตรจีนแห่งรัฐสภาข้ามชาติ” (IPAC) ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ที่มีกำหนดการจัดขึ้นเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยในระหว่างการประชุม รองปธน.เซียวฯ ได้เข้าแสดงปาฐกถาในหัวข้อ “ไต้หวัน : หุ้นส่วนที่เชื่อถือได้ ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่พลิกผัน” พร้อมระบุว่า ความสำคัญของไต้หวันประกอบด้วย 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ : “ไต้หวันมีระบอบประชาธิปไตยที่เจริญรุ่งเรือง” “ไต้หวันสวมบทบาทสำคัญในระบบเศรษฐกิจโลก” และ “ไต้หวันเป็นหุ้นส่วนนานาชาติที่มีความรับผิดชอบ” โดยรองปธน.เซียวฯ หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นสมาชิก IPAC เดินหน้าเสริมสร้างความร่วมมือกันใน 4 มิติหลัก ประกอบด้วย ความร่วมมือทางการค้าและเทคโนโลยี , ความยืดหยุ่นของภาคประชาสังคม , การเข้าร่วมกิจการระดับสากลอย่างครอบคลุมและสันติภาพช่องแคบไต้หวัน
 
การแสดงปาฐกถาของรองปธน.เซียวฯ ในครั้งนี้ สามารถสรุปสาระสำคัญหลักๆ ได้ดังนี้ :
 
เริ่มต้น รองปธน.เซียวฯ ได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวัน – ยุโรป แม้ว่าพวกเราอาจจะมีความต่างกันในด้านวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ แต่ความสัมพันธ์รูปแบบหุ้นส่วนของพวกเราตั้งอยู่บนรากฐานร่วมกันที่มั่นคง พวกเราให้ความสำคัญกับการเปิดการอภิปรายในภาคประชาสังคม การตรวจสอบการทำงานของภาครัฐ การเลือกตั้งเป็นธรรม รวมไปถึงเสรีภาพทางศาสนาและการแสดงความคิดเห็น
 
กลุ่มประเทศทวีปยุโรปปกป้องเสรีภาพ ภายใต้ศึกสงคราม ส่วนไต้หวันมุ่งมั่นในการเสริมสร้างประชาธิปไตยภายใต้แรงกดดัน เส้นทางประวัติศาสตร์ที่แตกต่างกัน แต่กลับสามารถนำไปสู่คำมั่นร่วมกันในด้านสันติภาพ เกียรติยศและความยืดหยุ่น
 
ประชาธิปไตยของพวกเราไม่ได้มีความสมบูรณ์พร้อม แต่คือการเปิดกว้าง ;ประชาธิปไตยไม่เคยมองข้ามความเห็นต่าง แต่กลับใช้ความเห็นต่างนำพาไปสู่การปฏิวัติ ;ประชาธิปไตยไม่เคยเกรงกลัวความโปร่งใส และประชาธิปไตยไม่เคยเรียกร้องให้ประชาชนสยบภายใต้อำนาจ แต่ประชาธิปไตยจะอยู่ภายใต้การควบคุมของระบบกฎหมายและภาคประชาชน
 
ในฐานะประเทศประชาธิปไตย พวกเราเชื่อมั่นว่า การเมืองและระบบเศรษฐกิจที่มีเสรีภาพจะนำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรืองและการเติบโต เนื่องจากเสรีภาพขับเคลื่อนให้เกิดนวัตกรรม และส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือทางการค้าที่เป็นธรรมและเปิดกว้าง
 
ในปัจจุบัน พวกเราต่างต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตความท้าทายและภัยคุกคามต่างๆ ทั้งการข่มขู่ด้วยกำลังทหาร กลยุทธ์พื้นที่สีเทา การโจมตีทางไซเบอร์ และการแพร่กระจายข่าวปลอม อีกทั้งยังต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันทางเศรษฐกิจ และการบีบบังคับให้ยอมจำนนต่อการบริหารปกครอง รวมไปถึงการบ่อนทำลายโครงสร้างพื้นฐานทางสาธารณูปโภค ไม่ว่าจะในด้านฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์ ทั้งนี้ เพื่อวัตถุประสงค์ในการสร้างความแตกแยกในสังคม และทำลายความเชื่อถือไว้วางใจของประชาชนที่มีต่อภาครัฐ
 
เมื่อเผชิญหน้ากับการแผ่ขยายอิทธิพลทางกำลังทหารและแรงกดดันทางความมั่นคงในภูมิภาคที่เกิดจากจีน ไต้หวันจึงได้ปรับเพิ่มงบประมาณกลาโหมให้เพิ่มขึ้นในปีหน้านี้ และจะพัฒนาไปสู่เป้าหมาย 5% ของ GDP ภายในปี พ.ศ. 2573 อย่างไรก็ตาม พวกเราทราบดีว่า ความมั่นคงไม่เพียงแต่จะมีส่วนเกี่ยวพันกับศักยภาพทางการทหาร แต่เกิดจากความยืดหยุ่นภายในประเทศเป็นหลัก ซึ่งพวกเราได้ตั้งชื่อเรียกว่า “ความยืดหยุ่นในภาคประชาสังคม” (Whole-of-Society Resilience) แฝงไว้ด้วยนัยยะการผนึกกำลังจากทุกภาคส่วน ตั้งแต่การดูแลความปลอดภัยของระบบเครือข่าย การรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน ไปจนถึงการเตรียมความพร้อมในภาคประชาสังคม
 
รองปธน.เซียวฯ ได้หยิบยกกรณีตัวอย่างในปี 2566 ที่สายเคเบิลใต้ทะเลที่เชื่อมโยงระหว่างเกาะไต้หวันและพื้นที่รอบนอก ถูกตัดขาดด้วยความจงใจ ส่งผลให้ระบบเครือข่าย การส่งข้อมูล และการบริการฉุกเฉิน ขาดช่วงลง ประกอบกับพวกเรายังต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีทางไซเบอร์อยู่เป็นประจำทุกวันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกรณีข้างต้นนี้เกิดขึ้นในทุกพื้นที่ทั่วโลก พวกเราจึงจำเป็นต้องจับมือกันตอบสนองต่อวิกฤตเหล่านี้อย่างเร่งด่วน
 
ด้วยเหตุนี้ ไต้หวันจึงเดินหน้าผลักดันการจัดตั้งระบบเครือข่ายดาวเทียมสำรองใช้ , การฝึกอบรมศักยภาพการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินให้แก่พื้นที่ชุมชน , เสริมสร้างศักยภาพการรับมือกับภัยคุกคามที่เกิดจากการโจมตีทางตรงหรือผ่านช่องทางอินเทอร์เน็ตของโครงสร้างพื้นฐาน พร้อมทั้งอัดฉีดทรัพยากรเข้าสู่ความยืดหยุ่นด้านพลังงานและโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ ตลอดจนเพิ่มพูนทักษะการรู้เท่าทันสื่อให้แก่พลเรือน
 
ลำดับต่อมา รองปธน.เซียวฯ ได้ระบุถึงความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นประเด็นหลักร่วมกันของพวกเรา พวกเราล้วนตระหนักดีว่า ความมั่นคงทางเศรษฐกิจคือความมั่นคงของประเทศชาติ ซึ่งขณะนี้ ไต้หวันกำลังเดินหน้าผลักดันความหลากหลายของห่วงโซ่อุปทานกับหุ้นส่วนโลกอย่างกระตือรือร้น ควบคู่ไปกับการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมเชิงยุทธศาสตร์
 
ในกรณีตัวอย่างเซมิคอนดักเตอร์ ที่เป็นข้อได้เปรียบของไต้หวัน ถือเป็นเพียงส่วนหนึ่งในความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจระดับโลก ซึ่งขณะนี้ ไต้หวันกำลังเร่งเสริมสร้างความร่วมมือกับหุ้นส่วนนานาชาติในการจัดตั้งระบบนิเวศที่เชื่อถือได้ ทั้งวัตถุดิบยาตั้งต้น , วัสดุชีวภาพ , เทคโนโลยีพลังงาน , เทคโนโลยี AI , อุตสาหกรรมกลาโหมและเทคโนโลยีสารสนเทศในยุคสมัยใหม่ เป็นต้น
 
ไต้หวันไม่เพียงแต่มีความสำคัญเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งที่ไม่สามารถขาดได้ในด้านสันติภาพ ความเจริญรุ่งเรืองและการเสวนาในรูปแบบประชาธิปไตยในอนาคต อนึ่ง ความสำคัญของไต้หวัน เกิดจากปัจจัยหลัก 3 ประการ ดังนี้ :
1.ไต้หวันมีระบอบประชาธิปไตยที่เจริญรุ่งเรือง ไต้หวันพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ประชาธิปไตยสามารถได้รับการพัฒนาเติบโตในภูมิภาคเอเชีย แม้จะต้องประสบกับแรงกดดันทั้งในและต่างประเทศ แต่พวกเรายังคงจัดการเลือกตั้งที่ให้สิทธิเสรีแก่ภาคประชาชนอย่างต่อเนื่อง และให้สนับสนุนการคงอยู่ร่วมกันอย่างหลากหลายในสังคม  
 
2.ไต้หวันสวมบทบาทสำคัญในระบบเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะห่วงโซ่อุปทานทางเทคโนโลยีระดับสากล แผ่นชิปและชิ้นส่วนอะไหล่ที่ผลิตในไต้หวัน เป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนทุกมิติในวิถีชีวิตของภาคประชาชน ทั้งสมาร์ทโฟน รถยนต์ เครื่องมือการแพทย์ และระบบกลาโหม นอกจากนี้ ไต้หวันยังได้ผลิตคอมพิวเตอร์และเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักในการพัฒนาการบริหารศูนย์ข้อมูลสารสนเทศ AI
 
3.ไต้หวันเป็นหุ้นส่วนนานาชาติที่มีความรับผิดชอบ แม้ว่าพวกเราจะถูกกีดกันให้อยู่นอกองค์การระหว่างประเทศ แต่พวกเรายังคงมุ่งสร้างความดีให้แก่ประชาคมโลกอย่างกระตือรือร้น ผ่านการส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม การบรรเทาภัยพิบัติ สาธารณสุข และการดำเนินการเพื่อพิชิตสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) แม้จะไม่ได้ถูกรับเชิญให้เข้าร่วมในองค์การระหว่างประเทศ แต่พวกเราก็ยังคงเดินหน้าปฏิบัติตามมาตรฐานกฎระเบียบสากลอย่างเคร่งครัด
 
รองปธน.เซียวฯ หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะประสานความร่วมมือกับบรรดาสมาชิก IPAC ในความร่วมมือ 4 มิติหลัก ดังนี้ :
1.ความร่วมมือทางการค้าและเทคโนโลยี :ร่วมจัดตั้งห่วงโซ่อุปทานที่เชื่อถือได้ ขยายขอบเขตการเสวนาด้านการบริหารจัดการดิจิทัลและเทคโนโลยี AI ควบคู่ไปกับการลงทุนบ่มเพาะบุคลากรนวัตกรรมทางประชาธิปไตย เพื่อสร้างมาตรฐานและระเบียบสำหรับเทคโนโลยีในยุคสมัยต่อไป
 
2.ความยืดหยุ่นในภาคประชาสังคม:ร่วมแบ่งปันประสบการณ์การปฏิบัติจริงในด้านกลาโหม , ความมั่นคงทางอินเทอร์เน็ต , โครงสร้างพื้นฐาน , การบรรเทาภัยพิบัติ , การจัดตั้งพื้นที่หลบภัย , การสกัดกั้นข่าวปลอมและการเตรียมความพร้อมของพลเรือน เป็นต้น
 
3.การเข้าร่วมกิจการระดับสากลอย่างครอบคลุม :รองปธน.เซียวฯ ขอเรียกร้องให้บรรดาสมาชิก ให้การสนับสนุนไต้หวันเข้ามีส่วนร่วมในองค์การระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่องต่อไป ทั้งองค์การอนามัยโลก (WHO) , องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) และองค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ (INTERPOL) รวมไปถึงการแสดงจุดยืนต่อต้านการตีความเอกสารประวัติศาสตร์ในทิศทางที่บิดเบือนจากข้อเท็จจริง เพื่อต้องการขัดขวางการเข้าร่วมบนเวทีนานาชาติของไต้หวัน
 
4.สันติภาพช่องแคบไต้หวัน :ขอให้ทุกท่านยึดมั่นในมาตรฐานค่านิยมร่วมกันของมวลมนุษยชาติ และหลักการ “ห้ามสร้างแรงกดดันและการข่มขู่ด้วยกำลังทหาร ในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง” ตามที่ระบุไว้ใน “กฎบัตรสหประชาชาติ” เนื่องจากสันติภาพของช่องแคบไต้หวัน มีความสำคัญต่อเสถียรภาพและการพัฒนาเศรษฐกิจระดับโลก ซึ่งเสียงการต่อต้านการเปลี่ยนแปลงสถานภาพเดิมในปัจจุบันด้วยกำลังทหารของประชาคมโลก ก็มีความสำคัญเป็นอย่างมากเช่นกัน
 
ไต้หวันที่เปี่ยมด้วยความแข็งแกร่งและยืดหยุ่น หมายถึงภูมิภาคอินโด – แปซิฟิกที่มีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งภูมิภาคที่เปี่ยมเสถียรภาพ หมายถึงโลกที่มั่นคงปลอดภัยยิ่งขึ้น