New Southbound Policy Portal
กระทรวงสิ่งแวดล้อม วันที่ 20 พ.ย. 68
เมื่อช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา นายเผิงฉี่หมิง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมไต้หวัน (MOENV) ได้รับเชิญให้เดินทางเยือนปารากวัย เพื่อจัดการประชุมคณะทำงานแบบทวิภาคีร่วมกับ Mr. Rolando de Barros Barreto รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาที่ยั่งยืนของปารากวัย (Ministry of Environment and Sustainable Development, MADES) ต่อเนื่องจากเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมาที่รมว. Barreto เดินทางเยือนไต้หวัน เพื่อลงนาม “บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือภายใต้ “ความตกลงปารีส”” กับรมว.เผิงฯ
MOENV แถลงว่า การประชุมครั้งนี้มีกำหนดการจัดขึ้น ณ ที่ทำการกระทรวง MADES เมื่อช่วงบ่ายเวลา 15:00 น. ของวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยมีรมว. Barreto ทำหน้าที่เป็นประธาน ในระหว่างการประชุม รมว.เผิงฯ ได้ชี้แจงเกี่ยวกับสถานการณ์ความคืบหน้าล่าสุดในภารกิจการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แนวทางการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมของไต้หวัน และได้รวบรวมทิศทางการดำเนินงานในปี พ.ศ. 2569 ไว้ใน “แผนปฏิบัติการด้านการบริหารสิ่งแวดล้อม ระหว่างไต้หวัน - ปารากวัย” รวม 12 รายการ
1.จัดตั้งกลไกปฏิบัติการ : จัดตั้งคณะทำงานใน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ : การบริหารจัดการด้านสภาพภูมิอากาศ , เศรษฐกิจหมุนเวียนและการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งเสริมกลไกความร่วมมือแบบทวิภาคีในหลากหลายมิติ
2.ประเด็นการบริหารจัดการด้านสภาพภูมิอากาศ : บันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือ ภายใต้ “ความตกลงปารีส” เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดโครงการนำร่องด้านคาร์บอนเครดิต ที่นำทัพโดยรัฐบาลของสองประเทศ ซึ่งครอบคลุมในส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ รถบัสพลังงานไฟฟ้า , โครงการการฟื้นฟูป่าไม้ ( Afforestation, Reforestation, and Revegetation, ARR) เป็นต้น
3.ประเด็นเศรษฐกิจหมุนเวียน : เสริมสร้างความเชื่อมโยงกับสภาอุตสาหกรรม 8+N ของไต้หวัน ผ่านการชี้แนะทางเทคโนโลยี ทั้งนี้ เพื่อการพัฒนานโยบายทรัพยากรหมุนเวียน และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างกัน
4.คณะทำงานด้านการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม ร่วมหารือกันสร้างฉันทามติและดำเนินการผลักดันไปตามกระบวนการทีละขั้นตอน ในกรณีการแลกเปลี่ยนระหว่างเจ้าหน้าที่ภาครัฐ , การเรียนรู้ของกลุ่มเยาวชน , การแลกเปลี่ยนทางวิชาการและการวิจัย , ความร่วมมือทางเทคโนโลยี AI และแนวโน้มเทคโนโลยีสีเขียว
ในระหว่างนี้ รมว.เผิงฯ ยังได้ร่วมแลกเปลี่ยนกับ Mr. Carlos Mangabeira ประธานหอการค้าอุตสาหกรรมที่ยั่งยืนของปารากวัย (Camara de Industrial Sustentables del Paraguay, CISPY) อีกทั้งยังได้เข้าเยี่ยมชมสถานประกอบการรีไซเคิล PET และธุรกิจกระดาษรีไซเคิล โดยหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเสริมสร้างความร่วมมือในห่วงโซ่อุตสาหกรรมด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนแบบทวิภาคี
เพื่อเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนทางความร่วมมือด้านการหมุนเวียนทรัพยากร รมว.เผิงฯ ได้เดินทางลงสำรวจและหารือกับผู้ประกอบการในพื้นที่ เพื่อทำความเข้าใจต่อกลไกการจัดการขยะมูลฝอยและสถานการณ์การรีไซเคิลทรัพยากร พร้อมทั้งยังร่วมแบ่งปันประสบการณ์การดำเนินงานด้านการบริหารจัดการขยะมูลฝอย , ระบบรีไซเคิลและการบัญญัติกฎหมายด้านเศรษฐกิจหมุนเวียนของไต้หวัน ตลอดจนร่วมอภิปรายในประเด็นแผนโซลูชันการบริหารจัดการขยะมูลฝอย และการหมุนเวียนทรัพยากร ในทิศทางที่เป็นไปได้ ตลอดจนกำหนดเข้าสู่ทิศทางความร่วมมือในภายภาคหน้า ระหว่างไต้หวัน - ปารากวัย
ประธาน M CISPY กล่าวระหว่างการเสวนาว่า หลายปีมานี้ สมาคมนักธุรกิจปารากวัยได้เดินหน้าผลักดันการประยุกต์ใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมไปถึงการอนุรักษ์ระบบนิเวศอย่างกระตือรือร้น ซึ่งตราบจนปัจจุบัน มีครัวเรือนกว่า 25,000 หลังที่เข้าร่วมในระบบรีไซเคิล ซึ่งประสิทธิภาพการรีไซเคิลในปารากวัย บังเกิดผลสัมฤทธิ์แซงหน้ากลุ่มประเทศในทวีปอเมริกาใต้
รมว.เผิงฯ กล่าวว่า กระบวนการรีไซเคิลขั้นพื้นฐานของปารากวัย มีส่วนคล้ายคลึงกับไต้หวันเป็นอย่างมาก ตลอดหลายปีมานี้ ไต้หวันมุ่งมั่นจัดตั้งระบบกฎหมายการรีไซเคิลทรัพยากร การจัดตั้งระบบกองทุน และรูปแบบนวัตกรรมใหม่ในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งค่อยๆ พัฒนาจนเกิดเป็นประสิทธิผลตามหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน การประยุกต์ใช้กากกาแฟในการผลิตเครื่องแต่งกาย โดยในอนาคต พวกเราจะพิจารณาหารือในการยื่นเสนอกฎหมายการส่งเสริมทรัพยากรหมุนเวียน และจัดตั้งกรอบโครงสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนที่ครอบคลุมสมบูรณ์ ในวาระโอกาสนี้ รมว.เผิงฯ ยังได้ชักชวนให้ CISPY และตัวแทนภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง รวมกลุ่มกันเดินทางเยือนไต้หวัน เพื่อกระตุ้นให้เกิดความร่วมมือในเชิงลึก ระหว่างไต้หวัน - ปารากวัย ผ่านการช่วยจับคู่ธุรกิจของสองกระทรวงสิ่งแวดล้อม
สำหรับทิศทางการพัฒนาในภายภาคหน้า กระทรวงสิ่งแวดล้อมของสองประเทศวางแผนที่จะติดต่อเชิญตัวแทนภาคอุตสาหกรรมร่วมจัด “การประชุมด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน ระหว่างไต้หวัน - ปารากวัย” ในช่วงต้นปี 2569 โดยหวังที่จะกระตุ้นให้เกิดความร่วมมือทางเศรษฐกิจหมุนเวียนแบบข้ามพรมแดน ซึ่งขอบเขตความร่วมมือจะครอบคลุมทั้งในด้านการสร้างต้นแบบทางเทคโนโลยี , การจับคู่ทางธุรกิจ , การแลกเปลี่ยนบุคลากรและการแบ่งปันนโยบาย เป็นต้น นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังจะร่วมเจรจาลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน ภายใต้พื้นฐาน MOU ว่าด้วยความร่วมมือด้านคาร์บอนเครดิตที่มีอยู่เดิม เพื่อขยายขอบเขตความร่วมมือแบบทวิภาคีในเชิงลึกต่อไป