New Southbound Policy Portal
กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 20 พ.ย. 68
เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2568 นายอู๋จื้อจง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไต้หวัน ได้รับเชิญให้เข้าร่วม “การประชุมความมั่นคงเบอร์ลิน” (Berlin Security Conference) โดยได้แสดงปาฐกถาในหัวข้อ “การปกป้องประชาธิปไตยข้ามทวีป : การสร้างความยืดหยุ่นและนวัตกรรม ผ่านความร่วมมือไต้หวัน - ยุโรป” (The Cross-continental Defense of Democracy: Building Resilience and Innovation through Taiwan-Europe Cooperation) โดยรมช.อู๋ฯ กล่าวว่า เมื่อเผชิญหน้ากับการจับมือกันของกลุ่มประเทศลัทธิอำนาจนิยม และสถานการณ์โลกที่มีความพลิกผัน มีเพียงการประสานความร่วมมือกัน ระหว่างพันธมิตรด้านประชาธิปไตยโลกเท่านั้น จึงจะสามารถรักษาไว้ซึ่งความสงบเรียบร้อยระหว่างประเทศ ที่ตั้งอยู่บนกฎกติกาสากลได้
รมช.อู๋ฯ กล่าวว่า สถานการณ์โรคโควิด – 19 สะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของห่วงโซ่อุปทานโลก เศรษฐกิจแบบชาตินิยมและสงครามรัสเซีย – ยูเครน สร้างความสั่นคลอนให้แก่ความสงบเรียบร้อยระหว่างประเทศ ประกอบกับการประสานความร่วมมือของจีน รัสเซีย อิหร่านและเกาหลีเหนือ ที่ก่อเกิดเป็นมหาอำนาจทางเผด็จการ ได้สร้างภัยคุกคามต่อระบอบประชาธิปไตยและเสรีภาพ การแผ่ขยายอิทธิพลของอำนาจเผด็จการครอบคลุ่มสู่ภาคพื้นทวีปอินโด – แปซิฟิก และยุโรป แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่เกี่ยวโยงกันอย่างใกล้ชิด ระหว่างสองภูมิภาค
รมช.อู๋ฯ ระบุว่า ความมั่นคงในภูมิภาคอินโด - แปซิฟิก และสันติภาพในยุโรป มีความเกี่ยวโยงกันอย่างไม่สามารถแบ่งแยกจากกันได้ หากพันธมิตรประชาธิปไตยยอมจำนน ต่อภัยคุกคามของระบอบเผด็จการ จะเป็นบทพิสูจน์ให้เห็นถึง “อำนาจคือความชอบธรรม” เพื่อธำรงรักษาเสถียรภาพ นานาประเทศทั่วโลกควรที่จะเสริมสร้างพลังการสกัดกั้นด้วยศักยภาพ ตลอดจนมุ่งสร้างความยืดหยุ่นในด้านกลาโหม ห่วงโซ่อุปทานและการตอบสนองของภาคประชาสังคม
รมช.อู๋ฯ เน้นย้ำว่า ไต้หวันตั้งอยู่ในพื้นที่ระยะห่วงโซ่ที่ 1 ถือเป็นรากฐานสำคัญทางความมั่นคงในภูมิภาค และเป็นหุ้นส่วนหลักที่ไม่สามารถขาดได้ในห่วงโซ่อุปทานทางเทคโนโลยีระดับโลก ไต้หวันผลิตชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์ในสัดส่วนกว่าร้อยละ 70% ของโลก และผลิตแผ่นชิปวงจรรวมทันสมัยกว่าร้อยละ 95% รวมไปถึงแผ่นชิปเพื่อส่งเสริมการพัฒนากระบวนการผลิต AI ขั้นสูง จึงถือเป็นแกนหลักทางเศรษฐกิจดิจิทัลโลกที่มีเสถียรภาพ หากเกิดวิกฤตขึ้นในช่องแคบไต้หวัน ไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก แต่ยังจะก่อให้เกิดภาวะการขาดช่วงของห่วงโซ่อุปทานทางเทคโนโลยี ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ที่รุนแรง ต่อเนื่องจากภัยสงครามโลกครั้งที่ 2
เมื่อเผชิญหน้ากับการพัฒนาทางทหารที่รุดหน้าของจีน รัฐบาลไต้หวันจึงได้ปรับเพิ่มงบประมาณทางกลาโหมของไต้หวันให้เพิ่มขึ้น 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 3.32% ของ GDP ในปีหน้านี้ และวางแผนจะพิชิตเป้าหมาย 5% ของ GDP ภายในปี พ.ศ. 2573 ตามมาตรฐานที่กำหนดโดยองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) ประกอบกับกลยุทธ์ “ความยืดหยุ่นในการปกป้องภาคประชาสังคม” ของไต้หวัน ที่มีขอบเขตครอบคลุมทั้งในด้านกลาโหม , การป้องกันประเทศโดยภาคพลเรือน , พลังงาน , เทคโนโลยีสารสนเทศ , ความมั่นคงทางไซเบอร์ และโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ล้วนแต่เป็นทิศทางสำคัญในการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างไต้หวัน – ยุโรป
รมช.อู๋ฯ ให้การยอมรับต่อกลุ่มประเทศทวีปยุโรปที่เฝ้าจับตาต่อไต้หวันอย่างใกล้ชิด ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กลุ่มประเทศทวีปยุโรปถือเป็นแหล่งที่มาการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดของไต้หวัน ซึ่งยอดการลงทุนในไต้หวันของประเทศทวีปยุโรป ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา มีมูลค่าที่แซงหน้ายอดรวมตลอด 40 ปีที่ผ่านมา ไต้หวัน - ยุโรป จึงควรเดินหน้าผลักดันความร่วมมือด้านเซมิคอนดักเตอร์ , AI และเทคโนโลยีสารสนเทศต่อไป ผ่านกลยุทธ์ “ความไว้วางใจ-เทคโนโลยี-ไต้หวัน” (Triple T)
นอกจากนี้ รมช.อู๋ฯ ยังได้ยื่นเสนอแนวคิด ดังนี้ :
1. “นโยบายไม่ใช่วันนี้” (Not-today policy) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อชี้แจงต่อประเทศเผด็จการที่อาจสร้างความท้าทายด้านสันติภาพในระดับภูมิภาคว่า วันนี้ยังมิใช่วันที่เหมาะสมที่จะสร้างความท้าทายต่อเสรีภาพโลก เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของไต้หวัน ในการรักษาสันติภาพด้วยศักยภาพ
2. “นโยบายที่ต้องยืนหยัดในแต่ละวัน” (Every-day policy) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปลุกระดมความคาดหวังให้แก่ภาคประชาชน ด้วยการส่งผ่านข้อความที่ว่า ทุกวันล้วนแต่เป็นวันที่พวกเราสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเสรี สมศักดิ์ศรี และเป้าหมาย เสรีภาพถือเป็นมรดกอันล้ำค่าที่ได้รับการสืบสานให้คงอยู่มาตราบจนปัจจุบัน ซึ่งพวกเรามีหน้าที่ส่งต่อให้แก่คนรุ่นหลังต่อไป
ไต้หวัน – ยุโรป สามารถแสวงหาแนวทางในการร่วมสกัดกั้นภัยคุกคาม ทั้งสงครามจิตวิทยา , การโจมตีทางไซเบอร์ , แรงกดดันทางเศรษฐกิจและสงครามลูกผสม เพื่อสร้างหลักประกันทางความมั่นคงในห่วงโซ่อุปทาน และความยืดหยุ่นในภาคประชาสังคม