New Southbound Policy Portal
กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 20 พ.ย. 68
การประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 30 (UNFCCC COP 30) มีกำหนดการจัดขึ้น ณ เมืองเบเล็ม ประเทศบราซิล ในช่วงระหว่างวันที่ 10 – 21 พฤศจิกายน 2568 โดยกระทรวงสิ่งแวดล้อมไต้หวัน (MOENV) ได้รวบรวมคณะตัวแทนหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน เดินทางเยือนเพื่อดำเนินภารกิจ ตามหลักการ “ความเป็นมืออาชีพ ความเป็นรูปธรรมและการสร้างคุณประโยชน์” ซึ่งบังเกิดผลสัมฤทธิ์ที่ดีขึ้นมากมาย นำเสนอให้เห็นถึงจิตวิญญาณของ “Mutirão” ที่สื่อความหมายว่า “การรวมพลังของประชาคมโลก” โดยไต้หวันยินดีจะจับมือกับประชาคมโลก ในการเผชิญหน้ารับมือกับความท้าทายที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ผลสัมฤทธิ์สำคัญที่คณะตัวแทนมุ่งมั่นผลักดัน ในระหว่างเข้าร่วมการประชุม COP 30 ประกอบด้วย :
1.การเป็นกระบอกเสียงให้การสนับสนุน : 10 ประเทศพันธมิตรของไต้หวัน ที่เข้าร่วมการประชุม COP 30 ในครั้งนี้ ต่างทยอยทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงให้ไต้หวัน ผ่านวิธีการเป็นกระบอกเสียงและการยื่นส่งหนังสือเอกสาร รวมจำนวน 12 ครั้ง นอกจากนี้ 11 ประเทศพันธมิตรของไต้หวัน ที่นอกเหนือจากสำนักวาติกัน ก็ยังได้ยื่นส่งหนังสือลงนามเพื่อให้การสนับสนุนไต้หวันต่อ Mr. Simon Stiell เลขาธิการบริหารสำนักเลขาธิการอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) กต.ไต้หวันขอขอบคุณด้วยใจจริง สำหรับการให้ความช่วยเหลือ ด้วยวิธีการที่เป็นรูปธรรมอย่างกระตือรือร้น
2. การเสวนาแบบทวิภาคี : คณะตัวแทนไต้หวัน กลุ่มประเทศพันธมิตร กลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน และองค์การระหว่างประเทศ เป็นต้น ขานรับต่อเป้าหมายกลยุทธ์ “การทูตเชิงบูรณาการ” และพันธกิจของรัฐบาลที่มุ่งมั่นผลักดัน “การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ภายในปี พ.ศ. 2593” โดยได้มีการจัดการประชุมแบบทวิภาคีขึ้น รวม 35 รอบในประเด็นต่างๆ อาทิ ความร่วมมือด้านคาร์บอนเครดิต , นโยบายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ , ระบบกฎหมาย , กลไกการกำหนดราคาคาร์บอน และการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน เป็นต้น ตลอดจนร่วมจัดการแลกเปลี่ยนเชิงลึกกับเจ้าหน้าที่ภาครัฐระดับสูงจากนานาประเทศทั่วโลก ทั้งนี้ เพื่อคว้าพลังเสียงสนับสนุนการเข้าร่วม UNFCCC ของไต้หวันจากทุกแวดวง
3. งานเลี้ยงฉลองทางการทูต สำหรับประเทศพันธมิตร : คณะตัวแทนและกลุ่มประเทศพันธมิตร ร่วมจัดงานเลี้ยงฉลองทางการทูต เพื่อหารือกันในประเด็นคาร์บอนเครดิต , การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการปรับตัวต่อผลกระทบที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นต้น ซึ่งบรรยากาศการแลกเปลี่ยนเป็นไปอย่างคึกคัก อันจะมีส่วนช่วยในการยกระดับการมองเห็นของไต้หวัน ควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความสัมพันธ์รูปแบบหุ้นส่วนด้านสภาพภูมิอากาศ และสัมพันธไมตรีอันแนบแน่น ระหว่างไต้หวันและกลุ่มประเทศพันธมิตร
4. การประชุมรอบนอก : นอกจาก 4 องค์การนอกภาครัฐของไต้หวันที่จัดกิจกรรมรอบนอกการประชุมขึ้นแล้ว ยังได้จับคู่ให้ 4 ประเทศพันธมิตร และ NGO ของไต้หวันจำนวน 4 กลุ่ม ร่วมจัดการประชุมรอบนอก ซึ่งสามารถดึงดูดคณะตัวแทนจากนานาประเทศและสมาชิกองค์การระหว่างประเทศ ให้ความสนใจเข้าร่วม แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของไต้หวัน ในการเชื่อมโยงและประสานความร่วมมือเชิงลึกกับกลุ่มประเทศพันธมิตร ในระหว่างการประชุม UNFCCC อย่างกระตือรือร้น ตลอดจนร่วมแลกเปลี่ยนสร้างปฏิสัมพันธ์กับสมาชิกระหว่างประเทศอื่นๆ ที่เข้าร่วม ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของ NGO ไต้หวัน ในด้านการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
5. สื่อมวลชนแนวหน้าและการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อรูปแบบใหม่ : แผนผลักดันเรียกร้องการเข้าร่วม UNFCCC ของไต้หวันในปีนี้ ได้รับรายงานผ่านสื่อที่เกี่ยวข้อง รวม 82 รายการ นอกจากนี้ ยังมีผลงานวิดีทัศน์ที่กต.ไต้หวันและสำนักงานตัวแทนรัฐบาลไต้หวันในต่างแดน ร่วมผลักดันประชาสัมพันธ์ ซึ่งมียอดผู้เข้าชมสะสมรวมทั้งสิ้น 2.4 ล้านคนครั้ง นอกจากนี้ กต.ไต้หวัน และสนง.ตัวแทนรัฐบาลไต้หวันในต่างประเทศยังได้ประยุกต์ใช้สื่อโซเชียลรูปแบบใหม่ที่เชื่อมประสานกัน ประชาสัมพันธ์บทความผ่านเฟซบุ๊ก , แพลตฟอร์ม X และอินสตราแกรม (IG) ซึ่งยอดรายงานมีจำนวนรวมสูงถึง 436 บทความ และได้รับการมองเห็นกว่า 516,000 ครั้ง ประสบความสำเร็จในการยกระดับการมองเห็นแผนผลักดันของไต้หวันในประชาคมโลก