New Southbound Policy Portal
กระทรวงการต่างประเทศ วันที่ 28 พ.ย. 68
ระยะนี้ รัฐบาลไทยและรัฐบาลเวียดนาม ต่างแสดงความห่วงกังวลอย่างเปิดเผยต่อสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน โดยเมื่อช่วงที่ผ่านมา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทย กล่าวว่า สันติภาพและเสถียรภาพช่องแคบไต้หวัน มีความสำคัญยิ่งต่อกลุ่มประเทศอาเซียนและไทย จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายรับมือกันอย่างระมัดระวัง ส่วนกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม ก็ได้ออกมาชี้แจงว่า สันติภาพ เสถียรภาพและความร่วมมือของช่องแคบไต้หวัน มีความสำคัญยิ่งต่อระดับภูมิภาคและระดับโลก โดยหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นทุกภาคส่วน สร้างคุณูปการอย่างเป็นรูปธรรมต่อสันติภาพและการพัฒนาในระดับภูมิภาค ในโอกาสนี้ กระทรวงการต่างประเทศไต้หวันขอให้การยอมรับต่อแถลงการณ์ข้างต้นของรัฐบาลไทยและเวียดนาม
กต.ไต้หวันแสดงทรรศนะว่า การที่รัฐบาลไทยและเวียดนาม ประกาศจุดยืนดังกล่าวนั้น เป็นผลอันเนื่องมาจากสาเหตุที่รัฐบาลจีนสร้างแรงกดดันขั้นสูงต่อญี่ปุ่น อีกทั้งยังแสดงให้เห็นว่าสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน เป็นประเด็นสำคัญทางความมั่นคงในภูมิภาคอินโด – แปซิฟิก การธำรงรักษาสถานภาพเดิมในปัจจุบัน นอกจากจะเป็นความคาดหวังร่วมกันของประชาคมโลกแล้ว ยังเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างเสถียรภาพระดับภูมิภาคอีกด้วย ไต้หวันในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของประชาคมโลกที่มีความรับผิดชอบ พวกเราจะเดินหน้าประสานความร่วมมือกับกลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน เพื่อให้การสนับสนุนความสงบเรียบร้อยระหว่างประเทศ ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานกฎกติกาสากลต่อไป
รมว.หลินฯ กล่าวว่า ความมั่นคงในช่องแคบไต้หวันมีความเกี่ยวพันกับเสถียรภาพระดับภูมิภาคและระดับโลก การเฝ้าจับตาของประชาคมโลก แสดงให้เห็นว่า สันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน ได้กลายมาเป็นฉันทามติร่วมกันของประชาคมโลกแล้ว โดยไต้หวันจะเดินหน้าผลักดัน “การทูตเชิงบูรณาการ” อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนจับมือกับกลุ่มประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และกลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน ในการส่งเสริมสันติภาพ เสถียรภาพและความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคอินโด - แปซิฟิก ให้คงอยู่อย่างยั่งยืนสืบไป