New Southbound Policy Portal
ทำเนียบประธานาธิบดี วันที่ 5 ธ.ค. 68
เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 5 ธันวาคม 2568 ประธานาธิบดีไล่ชิงเต๋อ ผู้นำไต้หวัน ได้ให้การต้อนรับสมาชิก “คณะกรรมาธิการนโยบายการต่างประเทศแห่งชาติสหรัฐฯ (National Committee on American Foreign Policy, NCAFP)” โดยปธน.ไล่ฯ แถลงว่า ไต้หวัน - สหรัฐฯ ถือเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์และคู่ค้าสำคัญระหว่างกัน ที่ยึดมั่นในแนวคิดคล้ายคลึงกัน ในการเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือ
ปธน.ไล่ฯ กล่าวว่า NCAFP เป็นคลังสมองและแพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนที่ประชาคมโลกให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ซึ่ง NCAFP เฝ้าติดตามจับตาต่อสถานการณ์ช่องแคบไต้หวันอย่างใกล้ชิด และส่งเสริมความเข้าใจต่อไต้หวันให้แก่ประชาคมโลก ผ่านการจัดเสวนาและการเผยแพร่รายงานวิจัยมาตลอดระยะเวลาหลายปี ตลอดจนให้การยอมรับและสนับสนุนค่านิยมด้านประชาธิปไตยที่ไต้หวันยึดมั่นอย่างหนักแน่นเสมอมา ในโอกาสนี้ ปธน.ไล่ฯ ขอแสดงความขอบคุณด้วยใจจริง
ปธน.ไล่ฯ ระบุว่า ไต้หวันตั้งอยู่ในพื้นที่ระยะห่วงโซ่ที่ 1 ถือเป็นประเทศประชาธิปไตยที่มีการพัฒนาที่สมบูรณ์ และเป็นหุ้นส่วนทางความร่วมมือที่มีความรับผิดชอบ เป้าหมายของไต้หวันคือการธำรงรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคอินโด - แปซิฟิก ควบคู่ไปกับการส่งเสริมการพัฒนาความเจริญรุ่งเรืองระดับสากล อย่างไรก็ตาม หลายปีมานี้ จีนยังคงทวีสร้างภัยคุกคามต่อไต้หวันและประเทศรายรอบ ผ่านวิธีการข่มขู่ด้วยกำลังทหาร , กลยุทธ์พื้นที่สีเทา , แรงกดดันทางเศรษฐกิจ และการลิดรอนสิทธิบนเวทีนานาชาติ เป็นต้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเปลี่ยนแปลงสถานภาพเดิมในช่องแคบไต้หวัน รวมถึงการสร้างความท้าทายต่อความมั่นคงในภูมิภาคอินโด - แปซิฟิก และความสงบเรียบร้อยระหว่างประเทศ
เมื่อเผชิญหน้ากับการแผ่ขยายอิทธิพลของอำนาจเผด็จการ พวกเราตระหนักดีว่า มีเพียงความสามัคคีเท่านั้นที่จะฝ่าฟันเอาชนะความท้าทายได้ มีเพียงศักยภาพที่จะก่อให้เกิดสันติภาพ ด้วยเหตุนี้ พวกเราจึงเดินหน้ายกระดับศักยภาพทางกลาโหม เผยให้เห็นความมุ่งมั่นตั้งใจในการปกป้องประเทศด้วยการพึ่งพาตนเอง พร้อมกันนี้ ปธน.ไล่ฯ ยังได้ระบุว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลไต้หวันได้ยื่นเสนองบประมาณพิเศษ 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในระยะเวลา 8 ปี สำหรับการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์กับสหรัฐฯ รวมไปถึงการยกระดับแสนยานุภาพทางกลาโหม ตลอดจนเดินหน้าพัฒนายุทธวิธีสงครามที่ไร้สมมาตร โดยรัฐบาลไต้หวันได้ปรับเพิ่มงบประมาณทางกลาโหมของไต้หวันให้เพิ่มขึ้นในสัดส่วนร้อยละ 3.32% ของ GDP ในปีหน้านี้ และวางแผนจะพิชิตเป้าหมาย 5% ของ GDP ภายในปี พ.ศ. 2573 ตามมาตรฐานที่กำหนดโดยองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) ในอนาคต ไต้หวันจะมุ่งผลักดันการปฏิรูปทางกลาโหมอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการยกระดับความยืดหยุ่นในการปกป้องภาคประชาสังคม พร้อมให้การสนับสนุนการแลกเปลี่ยนภาคอุตสาหกรรม ระหว่างไต้หวัน – สหรัฐฯ ตลอดจนเดินหน้ากระชับความร่วมมือกับสหรัฐฯ และกลุ่มประเทศที่มีแนวคิดคล้ายคลึงกัน ทั้งนี้ เพื่อธำรงปกป้องไว้ซึ่งค่านิยมและรูปแบบวิถีชีวิตด้านประชาธิปไตยและเสรีภาพ
ปธน.ไล่ฯ กล่าวขอบคุณรัฐบาลทุกยุคสมัยของสหรัฐฯ ที่ปฏิบัติตามคำมั่นที่ระบุไว้ใน “กฎหมายความสัมพันธ์ไต้หวัน” และ “หลักประกัน 6 ประการ” รวมถึงการให้สนับสนุนแบบข้ามพรรคของรัฐสภาสหรัฐฯ ที่มีต่อไต้หวัน อันจะเห็นได้จากระยะที่ผ่านมานี้ วุฒิสภาสหรัฐฯ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้มีมติผ่าน “ร่างกฎหมายว่าด้วยการบรรลุคำมั่นที่มีต่อไต้หวัน” (Taiwan Assurance Implementation Act) และได้มีการลงนามบังคับใช้โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ไปเมื่อวันที่ 2 ธันวาคมที่ผ่านมา